POEM คืออะไร? ช่องทางสำคัญทางการตลาดที่ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ

POEM model

รู้หรือไม่? กว่า 70% ของนักการตลาดดิจิทัลใช้กลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสาน (Integrated Marketing) เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และหนึ่งในโมเดลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ POEM

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ POEM (Paid, Owned, and Earned Media) โมเดลการตลาดที่ครอบคลุมช่องทางหลักทั้ง 3 ประเภท ทุกช่องทางสำคัญเพื่อให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญ รวมถึงวิธีการจัดการเผยแพร่คอนเท้นท์ผ่านช่องทางเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งและตอบโจทย์ทุกธุรกิจ

POEM คืออะไร?

POEM (Paid, Owned, and Earned Media) คือกรอบแนวคิดทางการตลาดที่ครอบคลุมช่องทางการสื่อสารหลักทั้ง 3 ประเภทที่แบรนด์สามารถใช้ในการสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship) และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตโดยแต่ละช่องทางมีลักษณะและบทบาทที่แตกต่างกันซึ่งแต่ละช่องทางมีบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่เมื่อนำมารวมกันอย่างเหมาะสม จะช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ทรงพลังและยั่งยืน

  1. Paid Media

Paid Media หมายถึง ช่องทางการตลาดที่แบรนด์ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณา เพื่อให้ได้รับการมองเห็น (Visibility) และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ โดยทั่วไปแล้ว Paid Media มักจะเป็นช่องทางที่มี ประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง และสามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำตรงจุด

Paid Media เป็นการโฆษณาช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโฆษณาบน Google (Google Ads), โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย (Facebook Ads, Instagram Ads), โฆษณาบนเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งโฆษณาทางโทรทัศน์ Paid Media มีข้อดีคือช่วยให้แบรนด์สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และขยายผลได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีข้อเสียคือมีค่าใช้จ่าย และอาจมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าสื่อประเภทอื่น

  1. Owned Media 

Owned Media  คือช่องทางที่แบรนด์เป็นเจ้าของและสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของแบรนด์, บล็อก, หน้าโซเชียลมีเดีย, อีเมล หรือจดหมายข่าว Owned Media มีข้อดีคือช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้ในราคาที่คุ้มค่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณภาพและสม่ำเสมอ

ตัวอย่างของ Owned Media เช่น เว็บไซต์บริษัท, บล็อก, หน้า Landing Page รวมถึง Facebook Page, Instagram, YouTube Channel, TikTok ที่ตัวแบรนด์เป็นเจ้าของบัญชี ข้อจำกัดอีกอย่างคืออาจจะต้องมีทีมงานหรือทรัพยากรในการดูแล เช่น การเขียนคอนเทนต์ การอัปเดตเว็บไซต์ หรือการจัดการ Social Media

  1. Earned Media

Earned Media คือ ช่องทางที่เกิดจากการบอกต่อหรือการพูดถึงแบรนด์โดยบุคคลที่สาม ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจากลูกค้า, การแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย, ข่าวประชาสัมพันธ์ หรือบทความที่เขียนถึงแบรนด์ Earned Media มีข้อดีคือมีความน่าเชื่อถือสูง และมีต้นทุนต่ำ แต่อาจควบคุมได้ยากและคาดการณ์ได้ยาก

Earned Media พูดได้ว่าเป็นสื่อที่ธุรกิจได้รับโดยธรรมชาติจากการพูดถึงของผู้บริโภค โดยไม่ได้จ่ายเงินเพื่อโฆษณาโดยตรง อีกทั้งยังสามารถเป็นตัวสร้างกระแสไวรัลได้ ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่สื่อประเภทนี้ควบคุมได้ยากและอาจมีทั้งกระแสบวกและลบ แตกต่างจาก Paid Media ที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณได้แน่นอน

ความสำคัญของ POEM 

ทำไมธุรกิจของคุณถึงควรให้ความสำคัญกับ POEM? เหตุผลหลักๆ คือช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจร โดยใช้สื่อทั้งสามประเภทร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness), กระตุ้นยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า และยังมีส่วนอื่นอีกดังนี้

  1. เพิ่มการมองเห็น (Visibility) 

การใช้ช่องทาง POEM อย่างครอบคลุมจะช่วยให้แบรนด์ของคุณปรากฏต่อสายตาของกลุ่มเป้าหมายในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าพวกเขาจะค้นหาข้อมูลบน Google, เลื่อนดูฟีดบน Facebook หรืออ่านรีวิวจากลูกค้าคนอื่น การมีอยู่ของคุณในทุกช่องทางจะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดความสนใจ

  1. สร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility) 

ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดขึ้น พวกเขาไม่ได้เชื่อในสิ่งที่แบรนด์พูดเสมอไป แต่พวกเขาเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ การมี Earned Media ที่ดี เช่น รีวิวที่เป็นบวก หรือการกล่าวถึงในสื่อต่างๆ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ และทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการตัดสินใจซื้อ

  1. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship) 

ในส่วนของการใช้ Owned Media เช่น เว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า คุณสามารถใช้ช่องทางเหล่านี้ในการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตอบคำถาม และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้พวกเขารู้สึกเชื่อถือและผูกพันกับแบรนด์ของคุณ

  1. เพิ่มยอดขายและผลกำไร (Sales and Profit) 

เมื่อแบรนด์ของคุณมีการมองเห็นที่เพิ่มขึ้น มีความน่าเชื่อถือ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและผลกำไรในที่สุด เพราะลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ที่พวกเขารู้จัก เชื่อถือ และมีภาพจำที่ดีกับแบรนด์ด้วย

การใช้งานร่วมกัน Integration

สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรจำไว้คือ การใช้ช่องทาง POEM อย่างแยกส่วนอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าที่ควร แต่การบูรณาการช่องทางเหล่านี้เข้าด้วยกันต่างหากที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพสูงสุด 

ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้

  • ใช้ Paid Media เพื่อดึงดูด คุณสามารถใช้โฆษณาบน Facebook เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ
  • ใช้ Owned Media เพื่อให้ข้อมูล เมื่อผู้คนเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ และสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาผ่านบล็อกหรือจดหมายข่าว
  • ใช้ Earned Media เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ คุณสามารถแสดงรีวิวจากลูกค้าที่พึงพอใจบนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมตัดสินใจซื้อ

การบูรณาการช่องทาง POEM อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นและน่าประทับใจให้กับลูกค้า และผลักดันธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่ยาก

วิธีการนำโมเดล POEM ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของคุณ

เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญของ POEM แล้ว คำถามต่อไปคือ คุณจะนำโมเดลนี้ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของคุณได้อย่างไร? เพราะการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน นี่คือขั้นตอนและเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณสามารถทำตามได้

ขั้นตอนการประยุกต์ใช้ POEM

  1. กำหนดเป้าหมาย (Set Goals)

เริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าคุณต้องการบรรลุอะไรจากการใช้ POEM เช่น เพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ หรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า กำหนดเป้าหมายที่เป็น SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) จะช่วยให้คุณวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (Analyze Target Audience)

ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ พวกเขาเป็นใคร? พวกเขามักใช้งานช่องทางไหน? พวกเขาสนใจอะไร? ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกช่องทาง POEM ที่เหมาะสมและสร้างเนื้อหาที่โดนใจ

  1. เลือกช่องทางที่เหมาะสม (Choose Appropriate Channels)

พิจารณาว่าช่องทาง Paid, Owned, และ Earned Media ช่องทางใดบ้างที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ตัวอย่างเช่น หากกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้งาน Instagram เป็นประจำ การลงทุนใน Instagram Ads และการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจบน Instagram อาจเป็นทางเลือกที่ดี

  1. สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ (Create Engaging Content)

สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ มีคุณค่า และสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นบทความบนบล็อก วิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เนื้อหาที่ดีจะช่วยดึงดูดความสนใจ สร้างความสัมพันธ์ และกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ

  1. วัดผลและปรับปรุง (Measure and Improve)

ติดตามและวัดผลลัพธ์ของกิจกรรมทางการตลาดของคุณอย่างสม่ำเสมอ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ เพื่อดูว่าช่องทางไหนที่ได้ผล และช่องทางไหนที่ต้องปรับปรุง นำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณอย่างต่อเนื่อง

เคล็ดลับเพิ่มเติม

เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ไม่ว่าคุณจะใช้ช่องทาง POEM ช่องทางใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตั้งแต่การโต้ตอบที่เป็นมิตร การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ลูกค้าที่มีความสุขจะกลายเป็นแอมบาสเดอร์ของแบรนด์คุณ

สร้างความสม่ำเสมอในการสื่อสารกับลูกค้าในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์เนื้อหาใหม่ๆ บนโซเชียลมีเดีย การส่งจดหมายข่าว หรือการตอบคำถามลูกค้า การสื่อสารอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง

ใช้เครื่องมือช่วยในการจัดการและวิเคราะห์ ปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้คุณจัดการและวิเคราะห์กิจกรรมทางการตลาดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Google Analytics, Hootsuite, Buffer หรือ Mailchimp เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ

ตัวชี้วัดหลักในการวัดผลลัพธ์ POEM (Metrics)

การนำโมเดล POEM (Paid, Owned, Earned Media) มาใช้ให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีการวัดผลเพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลหรือไม่ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางธุรกิจ นี่คือ วิธีวัดผลของแต่ละประเภทสื่อใน POEM เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

  1. การวัดผลของ Paid Media 

ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตสินค้าหรือบริการใหม่, กระตุ้นยอดขายผ่านโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย, รีมาร์เก็ตติ้งโฆษณาไปยังกลุ่มลูกค้าเก่าที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ เราจะวัดผลผ่านตัวชี้วัดเหล่านี้

  • Cost Per Click (CPC)

(CPC) หรือต้นทุนต่อการคลิกโฆษณา – แสดงถึงค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณ ถ้ายิ่งต่ำยิ่งดี

  • Click-Through Rate (CTR)

อัตราการคลิกต่อการแสดงผล – แสดงถึงสัดส่วนของผู้ที่เห็นโฆษณาแล้วคลิก (ยิ่งสูงยิ่งดี)

  • Conversion Rate

อัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า – แสดงถึงสัดส่วนของผู้ที่คลิกโฆษณาแล้วทำตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ (เช่น ซื้อสินค้า, ลงทะเบียน) (ยิ่งสูงยิ่งดี)

  • Return on Ad Spend (ROAS)

ผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณา – แสดงถึงรายได้ที่คุณได้รับเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการโฆษณา (ยิ่งสูงยิ่งดี)

เครื่องมือที่ใช้วัดผลเช่น 

  • Google Ads Manager (สำหรับ PPC, Display Ads)
  • Facebook Ads Manager, TikTok Ads, LinkedIn Ads (สำหรับ Social Media Ads)
  • UTM Tracking & Google Analytics (เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของทราฟฟิก)
  1. การวัดผลของ Owned Media

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพ, การทำ SEO ให้ติดอันดับ Google, การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อให้ข้อมูลและอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจ เราจะวัดผลผ่านตัวชี้วัดเหล่านี้

  • Website Traffic จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ – แสดงถึงจำนวนผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ (ยิ่งสูงยิ่งดี)
    • Unique Visitors: จำนวนผู้เข้าชมที่ไม่ซ้ำกัน
    • Page Views: จำนวนหน้าที่ถูกเปิดดู
  • Engagement Rate อัตราการมีส่วนร่วม – แสดงถึงสัดส่วนของผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเนื้อหาของคุณ (เช่น กดไลค์, คอมเมนต์, แชร์) (ยิ่งสูงยิ่งดี)
  • Bounce Rate อัตราการตีกลับ – แสดงถึงสัดส่วนของผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์แล้วออกไปทันที (ยิ่งต่ำยิ่งดี)
  • Time on Page ระยะเวลาที่อยู่ในหน้าเว็บ – แสดงถึงระยะเวลาที่ผู้เข้าชมใช้เวลาอยู่ในหน้าเว็บ (ยิ่งสูงยิ่งดี)
  • Email Open Rate อัตราการเปิดอีเมล – แสดงถึงสัดส่วนของผู้ที่เปิดอีเมลที่คุณส่ง (ยิ่งสูงยิ่งดี)
  • Email Click-Through Rate อัตราการคลิกในอีเมล – แสดงถึงสัดส่วนของผู้ที่คลิกลิงก์ในอีเมล (ยิ่งสูงยิ่งดี)

เครื่องมือที่ใช้วัดผลเช่น 

  • Google Analytics 4 (GA4) – วิเคราะห์เว็บไซต์
  • Google Search Console – ตรวจสอบการติดอันดับของ SEO
  • Ahrefs / SEMrush – วิเคราะห์ Backlink และอันดับคำค้นหา
  • Facebook Insights, Instagram Insights, TikTok Analytics – วิเคราะห์โซเชียลมีเดีย
  • Mailchimp, ActiveCampaign – วัดผลแคมเปญ Email Marketing
  1. การวัดผลของ Earned Media

ไม่ว่าจะเป็นการได้รับรีวิวเชิงบวกบน Google หรือ Facebook, การถูกกล่าวถึงโดยสื่อออนไลน์, การสร้างแคมเปญไวรัลที่ทำให้ลูกค้าพูดถึงและแชร์ต่อ เราจะวัดผลผ่านตัวชี้วัดเหล่านี้

  • Social Media Mentions จำนวนการกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย – แสดงถึงจำนวนครั้งที่แบรนด์ของคุณถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย (ยิ่งสูงยิ่งดี)
  • Sentiment Analysis การวิเคราะห์ความรู้สึก – วิเคราะห์ว่าการกล่าวถึงแบรนด์ของคุณเป็นไปในทิศทางบวก ลบ หรือเป็นกลาง
  • Share of Voice ส่วนแบ่งการพูดถึง – แสดงถึงสัดส่วนของการกล่าวถึงแบรนด์ของคุณเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  • Website Traffic from Referrals จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์จากแหล่งอ้างอิง – แสดงถึงจำนวนผู้ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณผ่านลิงก์จากเว็บไซต์อื่น (เช่น บทความรีวิว, ข่าวประชาสัมพันธ์) (ยิ่งสูงยิ่งดี)
  • Domain Authority คะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมน – แสดงถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของคุณในสายตาของ Search Engine (ยิ่งสูงยิ่งดี)

เครื่องมือที่ใช้วัดผลเช่น 

  • Google Alerts – ติดตามการพูดถึงแบรนด์บนอินเทอร์เน็ต
  • Brandwatch / Sprout Social – วิเคราะห์ Social Listening และ Share of Voice
  • Trustpilot, Google Reviews, Facebook Reviews – ตรวจสอบรีวิวและความคิดเห็นของลูกค้า

คุณควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนเริ่มต้นวัดผล ให้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าคุณต้องการบรรลุอะไร (เช่น เพิ่มยอดขาย 10%, เพิ่มผู้ติดตาม 20%) เลือกใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เหมาะสมกับช่องทางที่คุณใช้และติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ และไม่ลืมที่จะเปรียบเทียบผลลัพธ์กับช่วงเวลาที่ผ่านมาและนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การทำ POEM ของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า POEM (Paid, Owned, and Earned Media) เป็นโมเดลการตลาดที่ทรงพลังและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของธุรกิจในยุคดิจิทัล ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ การทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้ POEM อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืน

ถึงเวลาแล้วที่ผู้อ่านทุกท่านจะนำความรู้เกี่ยวกับ POEM ที่ได้จากบทความนี้ ไปปรับใช้กับธุรกิจของตน ลองเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ช่องทางการตลาดที่คุณใช้อยู่ในปัจจุบัน และวางแผนการบูรณาการช่องทาง POEM ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ แล้วคุณจะพบว่า POEM สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด