Local SEO คืออะไร? กลยุทธ์เพิ่มยอดขายและความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจคุณ

Local SEO

คุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีหน้าร้านใช่ไหม? อย่างร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านทำผม คลินิก หรือร้านค้าอื่นๆ แล้วเคยสงสัยไหมว่าลูกค้าใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ ร้านคุณ จะค้นหาคุณเจอได้อย่างไรในโลกออนไลน์? ในยุคที่ทุกคนใช้มือถือค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจจะไปที่ไหนสักที่ วิธีการทำให้ร้านของคุณถูกค้นเจอ จึงสำคัญมากๆ และนี่คือที่มาของคำว่า Local SEO

บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เจ้าของธุรกิจในพื้นที่อย่างคุณ เข้าใจและนำไปปรับใช้ได้จริง หลังจากอ่านจบ คุณจะเข้าใจในข้อต่อไปนี้อย่างละเอียด

  • Local SEO คืออะไร และแตกต่างจากการทำ SEO ทั่วไปอย่างไร?
  • ทำไม Local SEO ถึงสำคัญมากๆ สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน?
  • Google ใช้เกณฑ์อะไรในการจัดอันดับธุรกิจท้องถิ่น?
  • ขั้นตอนและวิธีทำ Local SEO ให้ร้านของคุณโดดเด่นบน Google Maps และ Google Search
  • เครื่องมือที่ช่วยให้การทำ Local SEO ของคุณง่ายขึ้น

Table of Contents

  1. Local SEO คืออะไร?
  2. ทำไมธุรกิจท้องถิ่นต้องทำ Local SEO?
  3. ปัจจัยการจัดอันดับ Local SEO บน Google
  4. วิธีและขั้นตอนการทำ Local SEO ให้ติดอันดับ
  5. เครื่องมือช่วยทำ Local SEO
  6. การติดตามผล Local SEO
  7. สรุป
Local SEO

Local SEO คืออะไร?

Local SEO ย่อมาจาก Local Search Engine Optimization แปลตรงๆ คือ การปรับแต่งเว็บไซต์และข้อมูลธุรกิจให้ติดอันดับดีๆ ในผลการค้นหาของ Google สำหรับคำค้นหาที่เจาะจงในพื้นที่นั้นๆ

ลองนึกภาพตามว่าเวลาที่คุณอยากหาร้านอาหารใกล้ๆ คุณอาจจะพิมพ์ว่า  ร้านอาหารใกล้ฉัน หรือถ้าอยากหาร้านกาแฟที่เชียงใหม่ คุณก็อาจจะพิมพ์ว่า -ร้านกาแฟ เชียงใหม่ หรือ คาเฟ่ภูเก็ต เป็นต้น นี่แหละคือลักษณะของ Local Search

ตัวอย่าง Keyword Local SEO เช่น

  • ร้านกาแฟ เชียงใหม่ แม่ริม
  • คลินิกจัดฟัน นครปฐม
  • คาเฟ่ พญาไท
  • ร้านอาหารใกล้ฉัน (หรือ Cafe Near Me ถ้าใช้ภาษาอังกฤษ)

การทำ Local SEO ต่างจาก SEO ทั่วไปตรงที่เรา เพิ่มความสามารถการแข่งขันในธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งร้าน ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสสูงขึ้นมากที่จะติดอันดับบน Google ในพื้นที่ของตัวเอง โดยไม่ต้องไปแข่งกับเว็บไซต์ใหญ่ทั่วประเทศ

ทำไมธุรกิจที่มีหน้าร้านต้องทำ Local SEO?

ธุรกิจท้องถิ่น (Local Business) ควรทำ Local SEO ด้วยเหตุผลหลายประการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการเติบโตในตลาด เรียกได้ว่าถ้าหากคุณมีหน้าร้าน การทำ Local SEO ไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่มันจำเป็นนั่นเอง ลองไปดูเหตุผลกัน

1. พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป

คนส่วนใหญ่มักจะหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านหรือบริการที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนตัดสินใจ อ้างอิงจากสถิติจะเห็นว่า 30% ของการค้นหาผ่านมือถือทั้งหมดเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่เป็น (Location) และ 78% ของคนที่ค้นหาธุรกิจ “ใกล้ฉัน” บนมือถือ มักจะไปที่ร้านภายในวันนั้นเลย สถิตินี้แสดงให้เห็นว่า Local SEO คือช่องทางหาลูกค้าที่มีศักยภาพสูง

2. เพิ่มการมองเห็นและลูกค้าใหม่

Local SEO ทำให้ร้านของคุณ ปรากฏขึ้นมาเมื่อมีคนค้นหาในพื้นที่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่เอง หรือนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว นั่นทำให้ช่วยให้คุณได้ลูกค้าใหม่ๆ ที่ปกติอาจจะไม่รู้จักร้านคุณเลย ทำให้ธุรกิจเล็กหรือ Local Business ที่มีงบประมาณการตลาดไม่มาก สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งเป็นการนำกลยุทธ์ Niche Marketing มาปรับใช้ ช่วยให้ธุรกิจปรากฏแก่ผู้ที่ค้นหาบริการหรือสินค้าในบริเวณใกล้เคียง

3. แง่ของการลดการแข่งขัน

แทนที่จะไปแข่งกับธุรกิจทั่วประเทศ คุณกำลังแข่งกับคู่แข่งแค่ในพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น ทำให้มีโอกาสสูงกว่ามากที่จะขึ้นมาติดอันดับบนหน้าแรกของ Google เพราะ 28% ของการค้นหาธุรกิจใกล้เคียงส่งผลให้เกิดการซื้อ Local SEO จึงช่วยเพิ่มลูกค้าโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวหรือคนนอกพื้นที่ที่กำลังมองหาบริการหรือสินค้าในบริเวณนั้นๆ

4. สร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มยอดขาย

Local SEO ช่วยให้ Google เข้าใจว่าธุรกิจของคุณตั้งอยู่ที่ไหน, ให้บริการอะไร, และมีความน่าเชื่อถือเพียงใด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของคุณติดอันดับทั้งใน Local Pack (Map Pack) ซึ่งแสดงข้อมูลพร้อมพิกัดบน Google Maps การมีข้อมูลที่ครบถ้วน (เช่น เวลาเปิด-ปิด, ที่อยู่, เบอร์โทร., รูปภาพ) และมีรีวิวดีๆ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Local SEO

สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือให้บริการในพื้นที่จำกัด มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการอยู่แล้ว การที่คุณดูแสดงผลในจังหวะที่ลูกค้ากำลังค้นหา คือโอกาสของการขายมากขึ้นนั่นเอง

เมื่อเข้าใจแล้วว่า ทำไม Local SEO จึงสำคัญ เรามาต่อกันที่หัวข้อถัดไปเพื่อดูว่า Local SEO ทำงานอย่างไรบน Google และคุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไรบ้าง

ปัจจัยการจัดอันดับ Local SEO บน Google

Google ใช้เกณฑ์ที่แตกต่างกันในการจัดอันดับผลการค้นหาแบบ Local SEO โดยเน้นให้ธุรกิจท้องถิ่นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ได้ง่ายขึ้น โดยพิจารณาจาก

1. ความเกี่ยวข้อง (Relevance)

ร้านของคุณตรงกับสิ่งที่คนค้นหามากแค่ไหน? เช่นหมวดหมู่ บริการ และรายละเอียดสินค้า/บริการ ใน Google Business Profile (GBP) และเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ Google แสดงธุรกิจที่ใช่ ตรงความต้องการผู้ค้นหา

Google จะดูจากข้อมูลที่คุณให้เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ เช่น

  • หมวดหมู่ธุรกิจ (Category) คุณได้เลือกหมวดหมู่ที่ตรงกับธุรกิจหลักของคุณหรือไม่ เช่น เลือก “ร้านอาหารอิตาเลียน” แทนที่จะเป็นแค่ “ร้านอาหาร”
  • รายละเอียดธุรกิจ (Description) คุณได้อธิบายเกี่ยวกับธุรกิจ บริการ สินค้า และจุดเด่นของคุณอย่างชัดเจนและใช้คำที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนมักจะค้นหาหรือไม่
  • บริการ/สินค้า (Services/Products) คุณได้ระบุรายการบริการหรือสินค้าที่คุณมีใน Google Business Profile หรือบนเว็บไซต์ของคุณหรือไม่

คำที่ลูกค้าใช้รีวิว (Keywords in Reviews) ลูกค้าใช้คำที่เกี่ยวข้องกับบริการ/สินค้าของคุณในรีวิวหรือไม่

ยกตัวอย่างเพิ่มเติม

หากมีคนค้นหา “ร้านกาแฟบรรยากาศดี มีปลั๊กไฟ” ร้านกาแฟของคุณที่มีรายละเอียดใน Google Business Profile หรือบนเว็บไซต์ว่า “มีปลั๊กไฟฟรีและมุมนั่งทำงาน” จะมีความเกี่ยวข้องสูงกว่าร้านกาแฟทั่วไปที่ไม่ได้ระบุข้อมูลส่วนนี้ไว้

2. ระยะทาง (Distance)

ร้านของคุณอยู่ห่างจากตำแหน่งผู้ค้นหามากแค่ไหน? เพราะ Google ดูจากตำแหน่งปัจจุบันของผู้ค้นหา เทียบกับที่อยู่จริงที่คุณปักหมุดใน Google Business Profile ยิ่งร้านอยู่ใกล้ผู้ค้นหา โอกาสที่จะแสดงผลยิ่งสูง

เพราะคนมักมองหาธุรกิจใกล้ตัวไว้ก่อนเพราะผู้ใช้มักต้องการหาสถานที่หรือบริการที่อยู่ ใกล้ตัว เพื่อความสะดวกในการเดินทาง Google จึงให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้เป็นอย่างมาก

สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ปักหมุดตำแหน่งที่ตั้งธุรกิจของคุณใน Google Business Profile ให้ถูกต้องแม่นยำที่สุด ตรงกับที่อยู่จริง และยืนยันสิทธิ์ ในตำแหน่งนั้น เพื่อให้ Google รู้ตำแหน่งร้านของคุณอย่างชัดเจน

ยกตัวอย่างเพิ่มเติม

หากผู้ค้นหาอยู่บริเวณสยาม และค้นหา “ร้านสะดวกซื้อใกล้ฉัน” ร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ในสยามหรือบริเวณใกล้เคียงมากๆ จะมีโอกาสแสดงผลสูงกว่าร้านที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แม้ว่าร้านที่ไกลกว่าจะมีความโดดเด่นมากกว่าก็ตาม

3. ความโดดเด่น (Prominence)

ร้านของคุณเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ และมีผู้คนพูดถึงมากน้อยแค่ไหน Google มองว่าธุรกิจที่เป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับ มีการพูดถึงในเชิงบวก น่าจะเป็นธุรกิจที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพ และน่าจะตอบสนองความคาดหวังของผู้ค้นหาได้ดีนั่นเอง

Google พิจารณาจากอะไรบ้าง เช่น

  • รีวิว (Reviews) Google ดูทั้ง คุณภาพ ของรีวิว และ คะแนนเฉลี่ย ของรีวิว ยิ่งมีรีวิวดีๆ เยอะ คะแนนสูงๆ ยิ่งดี นอกจากนี้การที่คุณตอบกลับรีวิว (ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ) ก็แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมและความใส่ใจด้วยนั่นเอง
  • การถูกกล่าวถึง (Citations/Mentions) คือการที่ ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ของธุรกิจคุณ ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์อื่นๆ ที่น่าเชื่อถือ นอกเหนือจาก Google Business Profile มากน้อยแค่ไหน เช่น เว็บไซต์ไดเรกทอรีธุรกิจท้องถิ่น เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น, บล็อกที่เกี่ยวข้อง, Social Media ต่างๆ เป็นต้น
  • กิจกรรมและการมีส่วนร่วม (Activity & Engagement) ความสม่ำเสมอในการโพสต์ข้อมูลข่าวสาร อัปเดตสินค้า/บริการ หรือตอบคำถามลูกค้าใน Google Business Profile อาจส่งผลดีต่อความโดดเด่นด้วย

ผลลัพธ์ของ Local SEO ที่คุณมักจะเห็นบนหน้า Google Search มี 2 แบบหลักๆ คือ

  • Local Pack / Map Pack 

ลักษณะเป็นส่วนพิเศษที่แสดงแผนที่พร้อมรายชื่อร้านค้าที่เกี่ยวข้องประมาณ 3 ร้าน ซึ่งมักจะปรากฏอยู่บนสุดของหน้าผลการค้นหา (เหนือผลลัพธ์แบบ Organic) การได้ติดใน Local Pack มีโอกาสสูงมากที่ลูกค้าจะคลิกเข้ามาดูข้อมูลหรือกดขอเส้นทาง

  • Organic Search Result (Blue Link)

หรือผลการค้นหาแบบปกติที่เราคุ้นเคยกัน ที่เป็นรายการลิงก์สีน้ำเงิน 10 รายการต่อหน้า ซึ่งบางครั้งเว็บไซต์ของธุรกิจท้องถิ่นก็สามารถขึ้นมาติดอันดับในส่วนนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเนื้อหาบนเว็บไซต์ตรงกับ Keyword ท้องถิ่นที่ค้นหา เป็นต้น

เมื่อเข้าใจแล้วว่า Google ใช้ปัจจัยด้านไหนบ้างในการจัดอันดับ Local SEO และผลลัพธ์ที่ปรากฏเป็นอย่างไร ขั้นตอนต่อไปคือการนำความรู้นี้ไปปรับใช้จริง แล้วเราต้องทำอะไรบ้างมาดูวิธีและขั้นตอนการทำ Local SEO ให้ติดอันดับ ในหัวข้อถัดไปกันเลย

วิธีและขั้นตอนการทำ Local SEO ให้ติดอันดับ

เพื่อให้ธุรกิจท้องถิ่นของคุณโดดเด่นและเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ได้จริง การทำ Local SEO อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการทำงานควบคู่กันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งบนแพลตฟอร์มของ Google และบนเว็บไซต์ของธุรกิจคุณเองอย่างเป็นระบบ มาดูกันทีละขั้นตอนว่าต้องทำอะไรบ้าง

1. สร้างและจัดการ Google Business Profile (GBP)

Google Business Profile หรือ GBP คือเครื่องมือสำคัญที่สุดในการทำ Local SEO เพราะเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ลูกค้าและ Google ใช้ในการค้นหาและตัดสินใจ ข้อมูลใน GBP จะแสดงผลเด่นชัดบน Google Maps และ Local Pack

เพื่อให้ GBP ของคุณทำงานได้เต็มที่ลองทำตามขั้นตอนนี้

  • กรอกข้อมูลพื้นฐานให้ครบถ้วน ถูกต้อง และอัปเดตเสมอ
    • ระบุ ชื่อธุรกิจ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ อีเมล และเวลาทำการ ให้เป๊ะที่สุด
    • เลือก หมวดหมู่ธุรกิจ ที่ตรงและเฉพาะเจาะจงกับบริการของคุณที่สุด
    • เขียน คำอธิบายธุรกิจ ที่น่าสนใจ ใส่ Keyword สำคัญ พร้อมบอกจุดเด่น
  • เพิ่มรูปภาพและวิดีโอคุณภาพดี
    • โชว์ หน้าร้าน บรรยากาศ สินค้า/บริการ ให้สวยงามและดึงดูด
    • ช่วยให้ลูกค้า เห็นภาพรวม ของธุรกิจคุณก่อนตัดสินใจ
  • จัดการรีวิวจากลูกค้าอย่างจริงจัง
    • กระตุ้น ให้ลูกค้าที่พึงพอใจเขียนรีวิว
    • ตอบกลับ รีวิวทุกอัน ทั้งดีและไม่ดี แสดงความใส่ใจ
    • ห้ามซื้อรีวิว เพราะผิดกฎ Google และอาจโดนลงโทษ
  • อัปเดตข้อมูลและโพสต์สม่ำเสมอ
    • ใช้ฟังก์ชัน Post ของ GBP เพื่อแชร์ ข่าวสาร โปรโมชั่น หรือสินค้าใหม่ๆ
    • ช่วยให้ข้อมูลล่าสุด ทันสมัย และสร้างการมีส่วนร่วม

การจัดการองค์ประกอบ GBP ให้ดีคือการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงบน Google เพื่อต้อนรับลูกค้าที่กำลังมองหาคุณในพื้นที่ เมื่อ GBP พร้อมแล้วไปขั้นตอนต่อไปกัน

2. Keywords research หรือวิจัยหา Keywords ในพื้นที่

การจะถูกค้นเจอใน Local Search ได้ คุณต้องรู้ว่าลูกค้าในพื้นที่ใช้คำว่าอะไร เพื่อค้นหาธุรกิจ/บริการของคุณ นี่คือขั้นตอนการ Keywords research ในพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ

  • คิดแบบลูกค้า ลองนึกว่าถ้าคุณเป็นคนในพื้นที่ อยากได้บริการแบบคุณ จะค้นหาคำว่าอะไร?
    • อาจเป็นคำทั่วไป + พื้นที่ เช่น “ร้านอาหาร [ชื่ออำเภอ/เขต]”
    • หรือคำทั่วไป + “ใกล้ฉัน” เช่น “ซ่อมรถใกล้ฉัน”
    • หรือระบุรายละเอียด เช่น “ร้านกาแฟ [ชื่อย่าน] เปิดถึงดึก”
  • เน้น Longtail Keyword ในพื้นที่ Keyword ที่ยาวและเฉพาะเจาะจง (เช่น “ร้านซูชิ เดลิเวอรี่ ลาดพร้าว 71”)
    มักจะดึงดูดลูกค้าที่ต้องการบริการของคุณโดยตรง และมีการแข่งขันน้อยกว่า
  • เช็ค “Local Intent” ลองนำ Keyword ที่คิดได้ไปค้นหาใน Google
    • ถ้าเห็น Google Map Pack หรือ ผลลัพธ์ที่เป็นธุรกิจท้องถิ่น แสดงว่า Keyword นั้นใช่! Google เข้าใจว่าผู้ค้นหาต้องการหาอะไรในพื้นที่
  • ใช้เครื่องมือช่วย
    • Google Keyword Planner: ฟรี! ช่วยหาไอเดียและปริมาณการค้นหา
    • Google Autocomplete: พิมพ์ Keyword แล้วดูคำแนะนำที่ Google เสนอในช่องค้นหา
    • เครื่องมือ SEO อื่นๆ: เช่น Ahrefs, Semrush, Ubersuggest ช่วยวิเคราะห์เชิงลึก

การหา Keyword ท้องถิ่นที่ตรงใจลูกค้าในพื้นที่ จะช่วยให้คุณสื่อสารกับ Google ได้ถูกต้องว่าธุรกิจของคุณคือคำตอบที่ใช่สำหรับพวกเขาในบริเวณนั้นๆ

3. ปรับปรุงเว็บไซต์ (On-Page) ให้เป็นมิตรกับ Local Search

นอกจากการดูแล GBP แล้ว เว็บไซต์ธุรกิจของคุณก็ต้องถูกปรับให้ Google รู้ว่า คุณให้บริการในพื้นที่ไหนบ้าง นี่คือวิธีทำให้เว็บไซต์ของคุณรองรับ Local SEO ได้ดีขึ้นหากคุณมีเว็บไซต์และช่องทางอื่นๆ คือ

  • สร้างหน้าเฉพาะสำหรับแต่ละสาขา/พื้นที่ (Local Landing Pages)
    • ถ้ามีหลายสาขา หรือต้องการเน้นพื้นที่ต่างๆ ให้สร้างหน้าเว็บแยกสำหรับแต่ละแห่ง
    • ใส่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร (NAP) ของสาขานั้นๆ ให้ครบถ้วนและถูกต้อง
    • ใช้ Keyword ท้องถิ่น ที่เจาะจงพื้นที่ในเนื้อหาของหน้านั้น
  • ใส่ Keyword ท้องถิ่นในจุดสำคัญบนเว็บไซต์
    • แทรกชื่อ อำเภอ จังหวัด ย่าน หรือ Keyword ท้องถิ่น ใน
      • Title Tag หัวข้อหน้าเว็บ (ส่วนที่แสดงบนแท็บ Browser)
      • Meta Description คำอธิบายสั้นๆ ใต้ชื่อเว็บในผลการค้นหา
      • เนื้อหาหลัก ในบทความ คำอธิบายบริการ/สินค้า อย่างเป็นธรรมชาติ
  • สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น
    • เขียนบทความเกี่ยวกับ เหตุการณ์ กิจกรรม หรือสิ่งที่น่าสนใจในพื้นที่ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณได้
    • แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนั้นๆ
  • ทำให้เว็บไซต์ใช้งานง่ายบนมือถือ (Mobile Friendly)
    • คนส่วนใหญ่ค้นหา Local Business ผ่านมือถือ เว็บไซต์ของคุณต้องแสดงผลดี โหลดเร็ว และใช้งานง่ายบนทุกอุปกรณ์
  • แสดงข้อมูลธุรกิจให้ชัดเจน
    • ใส่ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เวลาทำการ ให้เห็นง่ายๆ เช่น ที่ส่วนท้าย (Footer) หรือหน้า “ติดต่อเรา”
    • ฝัง Google Map ตำแหน่งร้านของคุณลงบนหน้าเว็บที่เหมาะสม
  • สร้าง Internal Link
    • เชื่อมโยงหน้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์ของคุณเข้าด้วยกัน
    • ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาทั้งหมดของเว็บไซต์คุณได้ดียิ่งขึ้น

การปรับปรุงเว็บไซต์ในส่วน On-Page เหล่านี้ จะช่วยเสริมข้อมูลจาก GBP และทำให้ Google มั่นใจว่าธุรกิจของคุณคือตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ค้นหาในพื้นที่นั้นๆ

4. สร้างความน่าเชื่อถือจากภายนอก (Off-Page)

การที่เว็บไซต์อื่นๆ พูดถึงธุรกิจของคุณก็มีผลต่อ Local SEO เช่นกัน วิธีทำคือ

  • สร้าง NAP Citations คือการลงข้อมูล ชื่อธุรกิจ (Name), ที่อยู่ (Address), และเบอร์โทรศัพท์ (Phone Number) ของคุณบน Directory ออนไลน์ต่างๆ หรือ Social Media สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ข้อมูล NAP ต้องตรงกันทุกที่! Google จะยิ่งมั่นใจว่าธุรกิจของคุณมีตัวตนและน่าเชื่อถือถ้าเจอข้อมูลที่สอดคล้องกันเยอะๆ
  • สร้าง Backlinks คุณภาพ Backlink คือลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้มายังเว็บไซต์ของคุณ Google มอง Backlink เป็นเหมือน “คะแนนโหวต” จากเว็บไซต์อื่น ยิ่งได้ Backlink จากเว็บที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง (เช่น เว็บข่าวท้องถิ่น เว็บขององค์กร/สมาคมในพื้นที่ ธุรกิจอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในย่าน) ยิ่งช่วยเพิ่มอันดับ Local SEO
  • ลงข้อมูลในเว็บไซต์ Listing / รีวิวท้องถิ่น เว็บไซต์รีวิวร้านอาหาร (Wongnai), ที่พัก (Tripadvisor), หรือ Directory ธุรกิจ (Yellowpages) ต่างๆ ก็เป็นช่องทางสำคัญในการสร้าง Citation และทำให้คนค้นเจอ

เข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่น (Local Link Building) หรือจัดกิจกรรมในพื้นที่ เข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์งานต่างๆ ร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน เพื่อสร้างโอกาสให้เว็บไซต์ของกิจกรรม/พันธมิตรเหล่านั้นลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ

5. สร้าง Personalize Content และตอบโจทย์ Search Intent (บนเว็บไซต์)

หลังจากมี Google Business Profile ที่แข็งแรง และรู้ Keyword ท้องถิ่นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ ให้ “พูดคุย” กับลูกค้าในพื้นที่โดยตรง และตอบโจทย์ว่าพวกเขา “ค้นหา” อะไร และ “ต้องการอะไร”

  • เข้าใจ “Search Intent” หรือเจตนาในการค้นหาของลูกค้า
    • เวลาลูกค้าค้นหา Local Keyword เขากำลังอยากได้อะไรจริงๆ?
    • แบบ “ใกล้ฉัน” (Navigational/Near Me) ต้องการหาตำแหน่ง, เบอร์โทร, เส้นทาง, เวลาเปิด-ปิด (ต้องการข้อมูลเร็วๆ เพื่อไปที่ร้าน)
    • แบบระบุพื้นที่/บริการ (Transactional/Local Commercial): ต้องการหาร้านที่ขายสินค้านั้นๆ ในพื้นที่นั้นๆ หรือต้องการเปรียบเทียบ/ดูเมนู/ดูบริการ (ต้องการข้อมูลเพื่อตัดสินใจและซื้อ/ใช้บริการ)
    • เว็บไซต์ของคุณต้องมีข้อมูลเหล่านี้ให้เห็นง่ายๆ และตรงกับสิ่งที่พวกเขากำลังหา
  • สร้าง “Personalize Content” ที่เจาะจงพื้นที่
    • ทำให้เนื้อหาบนเว็บรู้สึกว่า “ทำมาเพื่อคนในพื้นที่นี้จริงๆ”
    • ใช้ชื่อสถานที่ ย่าน หรือแลนด์มาร์กในพื้นที่ ในเนื้อหา (เช่น “ร้านกาแฟของเราใกล้กับ [ชื่อสวนสาธารณะ]” หรือ “บริการจัดส่งทั่ว [ชื่อเขต/อำเภอ]”)
    • พูดถึง ปัญหา ความต้องการ หรือกิจกรรมเฉพาะของคนในพื้นที่ ที่ธุรกิจคุณสามารถตอบโจทย์ได้ (เช่น “หมดปัญหาเรื่องที่จอดรถเมื่อมาทานที่ร้านเรา [ชื่อย่าน] เพราะ…”)
    • แสดงรูปภาพหรือวิดีโอที่ เห็นสภาพแวดล้อมจริงของร้านในพื้นที่นั้นๆ
    • ทำโปรโมชั่นหรือแคมเปญที่ เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ท้องถิ่น (ถ้ามี) และประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์

การสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ทั้ง เข้าใจ ว่าลูกค้าท้องถิ่นต้องการอะไร (Search Intent) และทำให้รู้สึกว่าธุรกิจของคุณ เป็นส่วนหนึ่ง และ เข้าใจ คนในพื้นที่นั้นๆ (Personalize Content) จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความเกี่ยวข้อง (Relevance) และโดดเด่น (Prominence) มากขึ้นในสายตาของ Google ซึ่งส่งผลดีต่ออันดับ Local SEO ของคุณ

เครื่องมือช่วยทำ Local SEO

การทำ Local SEO ให้ได้ผลดี จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ ปรับแต่ง และติดตามผลลัพธ์ ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ต่อไปนี้คือเครื่องมือยอดนิยมที่เหมาะกับการทำ Local SEO

เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ช่วยในการทำ Local SEO

ชื่อเครื่องมือ / แพลตฟอร์มหน้าที่หลัก / สิ่งที่ช่วยเหมาะสำหรับ / ข้อควรทราบ
1. Google Business Profile (GBP)เครื่องมือหลักสำหรับสร้าง/จัดการข้อมูลธุรกิจบน Google Maps/Search แสดงผลใน Local Packฟรี, เหมาะกับทุกธุรกิจท้องถิ่น, หัวใจสำคัญ ที่ต้องเริ่มทำก่อน
2. Google Search Console & Google Analyticsตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์, ติดตามอันดับ Keyword, วิเคราะห์ทราฟฟิก, แก้ปัญหาเว็บฟรี, เหมาะสำหรับทุกเว็บไซต์ (ใช้เสริมประสิทธิภาพ SEO เว็บไซต์โดยรวม)
3. Local Falconเครื่องมือเฉพาะทางติดตามอันดับ Local SEO แบบ GeoGrid (ตารางตำแหน่งบนแผนที่)เน้นวัดผลอันดับและตำแหน่งที่แสดงใน Google Maps และ Local Pack ได้ละเอียด
4. LocalPanda.aiมีฟีเจอร์ Local Rank Tracker และ Geo-Grid สำหรับวิเคราะห์อันดับในแต่ละพื้นที่ย่อยคล้าย Local Falcon, เน้นการวัดและปรับปรุงอันดับใน Google Map Pack
5. Ahrefsวิเคราะห์ Backlink, Keyword Research (รวม Local Keyword), ตรวจสอบคู่แข่ง, ติดตามอันดับเครื่องมือ SEO ระดับมืออาชีพ (มีค่าใช้จ่าย), ครอบคลุมทั้ง SEO ทั่วไปและ Local SEO
6. SEMrushมี Local SEO Toolkit ครบวงจร, วิเคราะห์ Keyword, Backlink, Content, และคู่แข่งเครื่องมือ SEO ระดับมืออาชีพ (มีค่าใช้จ่าย), มีฟีเจอร์ Local SEO เฉพาะทาง
7. Ubersuggestหา Local Keyword, วิเคราะห์คู่แข่ง, ตรวจสอบอันดับ, มีฟีเจอร์ Local SEOใช้งานง่าย, มีเวอร์ชันฟรี, ราคาไม่สูงนัก เหมาะกับธุรกิจขนาดย่อม
8. Moz Localช่วยจัดการข้อมูลธุรกิจ (NAP) ในไดเรกทอรี/เว็บต่างๆ ให้ตรงกัน, วิเคราะห์ Local Citationเน้นการสร้างและจัดการข้อมูลธุรกิจให้ถูกต้องและสม่ำเสมอในหลายแพลตฟอร์ม (Citations) เพื่อเพิ่มโอกาสติด Local Pack

ตารางนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของเครื่องมือแต่ละชนิดและประโยชน์ในการนำมาใช้กับ Local SEO ได้ง่ายขึ้น

การติดตามผลการทำ Local SEO

ขั้นตอนสำคัญต่อมาคือการ ติดตามผล (Tracking) เพื่อวัดประสิทธิภาพและดูว่าสิ่งที่ทำไปนั้นส่งผลดีแค่ไหนต่อการถูกค้นพบโดยลูกค้าในพื้นที่ การติดตามผลจะช่วยให้คุณเข้าใจว่ากลยุทธ์ Local SEO ที่ใช้อยู่ได้ผลดีหรือไม่ในด้านต่างๆ ทั้งการมองเห็น (Visibility), การมีส่วนร่วมของลูกค้า (Engagement), อันดับการค้นหา (Ranking) และเสียงตอบรับจากผู้ใช้จริง ทำให้คุณสามารถปรับปรุงแผนการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เครื่องมือหลักในการติดตามผล Local SEO คือ Google Business Profile Insights ซึ่งแสดงข้อมูลเชิงลึก เช่น จำนวนครั้งที่ธุรกิจของคุณปรากฏในการค้นหา (Views), จำนวนคนที่คลิกขอเส้นทาง (Direction Requests), จำนวนคลิกโทรออก (Calls) หรือคลิกเข้าเว็บไซต์ (Website Clicks)

ตัวอย่างการวัดผล

หากคุณเห็นว่า “Direction Requests” พุ่งสูงขึ้นอย่างมากหลังจากเพิ่มรูปภาพหน้าร้านที่ชัดเจนใน GBP แสดงว่ารูปภาพนั้นช่วยให้คนตัดสินใจเดินทางมาที่ร้านได้ดี นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือ Geo-Grid Tracker ก็ช่วยให้เห็นภาพอันดับธุรกิจของคุณบนแผนที่ Google Maps ในพื้นที่ย่อยๆ 

คุณอาจพบว่าอันดับสำหรับ “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” ดีขึ้นจากอันดับ 8 มาเป็นอันดับ 3 ในรัศมี 500 เมตร รอบๆ ร้าน หลังจากที่คุณตอบกลับรีวิวลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมกับรีวิวส่งผลดีต่ออันดับความโดดเด่น (Prominence) ของคุณในพื้นที่นั้นๆ

สรุป

Local SEO คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นของคุณเชื่อมต่อกับ “ลูกค้าที่อยู่ใกล้ที่สุด” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการทำให้ร้านติด Google Maps แต่คือการสร้างตัวตนออนไลน์ที่แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ และนำไปสู่ลูกค้าที่เดินเข้ามาที่ร้านจริงๆ

แม้จะต้องอาศัยความเข้าใจและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน หากคุณเห็นถึงความสำคัญของ Local SEO และต้องการให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักในพื้นที่อย่างแท้จริง แต่ไม่มีเวลา หรือไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ – Shopify SEO เคล็ดลับดันร้านค้าติดหน้าแรก เพิ่มยอดขายง่ายๆ ทำตามได้เลย


RGA เป็นหนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Local SEO เราพร้อมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของคุณ มีประสบการณ์และกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ในการช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นของคุณติดอันดับบน Google Maps และ Google Search ดึงดูดลูกค้าที่อยู่ใกล้ๆ และเปลี่ยนให้กลายเป็นลูกค้าประจำ

ให้ RGA ช่วย ‘ปักหมุด’ ความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับโซลูชัน Local SEO ที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ

📞 ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อเริ่มต้นวันนี้
🔗 รับคำปรึกษาด้าน SEO ฟรี

ที่ปรึกษาธุรกิจ RGA Facebook: risegroupasia

share :