Shopify SEO เคล็ดลับดันร้านค้าติดหน้าแรก เพิ่มยอดขายง่ายๆ ทำตามได้เลย

Shopify SEO

หากคุณสร้างร้านบน Shopify มาตั้งนาน แต่ยอดขายยังไม่กระเตื้องเลย หรือเหมือนลูกค้าหาไม่พบร้านของเรา “Shopify SEO” คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ร้านค้าของคุณโดดเด่น ดึงดูดลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าของคุณจริง ๆ ให้เข้ามาเยี่ยมชมร้าน และเปลี่ยนเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ในบทความนี้ เราจะมาเปิดเผยเคล็ดลับการทำ Shopify SEO แบบง่ายๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านค้าสามารถนำเคล็ดลับและเทคนิคต่าง ๆ ไปปรับใช้กับร้านค้าของตนเองได้จริง โดยเน้นที่วิธีการที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และสามารถทำตามได้ทีละขั้นตอน เพื่อให้ร้านค้า Shopify สามารถเพิ่มการมองเห็นดึงดูด Traffic ที่มีคุณภาพ และสร้างยอดขายที่ยั่งยืนในระยะยาว

Shopify SEO คืออะไร?

Shopify SEO นั้นคือกระบวนการปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของคุณที่สร้างบนแพลตฟอร์ม Shopify ให้เป็นมิตรกับ Search Engine อย่าง Google เพื่อให้ร้านค้าของคุณสามารถปรากฏในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาเมื่อมีผู้ใช้งานค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่คุณนำเสนอ

ลองนึกภาพว่าร้านค้า Shopify ของคุณคือร้านค้าจริงๆ ในโลกออฟไลน์ SEO ก็เหมือนกับการทำการตลาดเพื่อให้ลูกค้ารู้จักร้านของคุณมากขึ้นโดยเปรียบเป็น การติดป้ายหน้าร้าน การโฆษณา หรือการบอกต่อ

Shopify SEO ก็คือการปรับแต่ง “ป้ายหน้าร้าน” และ “การบอกต่อ” ในโลกออนไลน์ เพื่อให้ Google และ Search Engine อื่นๆ รู้จักร้านของคุณมากขึ้น และเมื่อลูกค้าค้นหาสินค้าที่คุณขายอยู่ ร้านของคุณก็จะปรากฏในอันดับต้นๆ ของการค้นหานั้น ทำให้ลูกค้ามีโอกาสคลิกเข้ามาในร้านและซื้อสินค้าของคุณมากขึ้น

หรือก็คือ Shopify SEO คือการปรับแต่งร้านค้า Shopify ของคุณให้ถูกใจทั้ง Search Engine และผู้ใช้งาน เพื่อเพิ่มการมองเห็นดึงดูด Traffic และเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าของคุณนั่นเอง

Shopify SEO

ทำไมการทำ Shopify SEO ถึงสำคัญ?

การทำ Shopify SEO มีความสำคัญอย่างมากสำหรับร้านค้าออนไลน์ในยุคปัจจุบัน ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ เพิ่มการมองเห็นและดึงดูดลูกค้าเป้าหมายการทำ SEO ช่วยให้ร้านค้าของคุณปรากฏในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาเมื่อลูกค้าค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายถึงโอกาสที่มากขึ้นในการดึงดูด Traffic ที่มีคุณภาพ หรือลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าของคุณจริงๆ โดยผลการสำรวจจาก Backlinko พบว่า CTR (Click-Through Rate) สำหรับผลการค้นหาอันดับ 1 คือ 31.7% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา

เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มักให้ความเชื่อถือกับร้านค้าที่อยู่ในอันดับสูงๆ ของผลการค้นหาการทำ SEO จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านค้าของคุณในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวช่วยให้ร้านค้าของคุณมี Traffic อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนั่นเอง

การมี Traffic ที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือที่มากขึ้น จะนำไปสู่โอกาสในการขายที่มากขึ้นตามไปด้วยโดย Shopify เองก็ได้เคยกล่าวไว้ว่าร้านค้าที่มีการทำ SEO อย่างจริงจังสามารถเพิ่มยอดขายได้มากถึง 20% เลยทีเดียว

พื้นฐานการทำ Shopify SEO ให้ติดอันดับ

Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์รองรับ SEO อยู่แล้ว แต่การจะทำให้ร้านค้าของคุณติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาได้นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจพื้นฐานของ SEO และการปรับแต่งอย่างเหมาะสมในส่วนต่างๆ ดังนี้

1. Keyword Research

SEO keyword research

Keyword Research คือกระบวนการค้นหาและวิเคราะห์คำหรือวลีที่ลูกค้าเป้าหมายของคุณใช้ในการค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าของคุณบน Search Engine เช่น Google การทำความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณค้นหาอะไร จะช่วยให้คุณปรับแต่งร้านค้า Shopify ของคุณให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหา

การทำ Keyword Research ยังช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกค้าของคุณกำลังมองหาอะไร พวกเขาใช้คำอะไรในการค้นหา ช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และใช้ภาษาที่ลูกค้าเข้าใจ

เครื่องมือ Keyword Research ที่แนะนำเช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, Google Trends, SEMrush เป็นต้นเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยในการค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และดูข้อมูลเช่น Search Volume และ Competition รวมทั้งวิเคราะห์ความยากง่ายของ Keyword นั้นๆ ได้ด้วย

2. On-Page SEO

On-Page SEO คือการปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ ที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ Search Engine เข้าใจว่าหน้าเว็บของคุณเกี่ยวกับอะไรและทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดการทำ On-Page SEO ที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในผลการค้นหาและดึงดูด Traffic ที่มีคุณภาพมายังร้านค้าของคุณ โดยส่วนประกอบของ On-Page SEO มีดังนี้

2.1 Title Tag

Title Tag คือข้อความที่แสดงเป็นหัวข้อของหน้าเว็บในผลการค้นหา Title Tag เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำ SEO ดังนั้นการเขียน Title Tag ที่ดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

  • หลักการเขียน Title Tag
    • ควรมีความยาวไม่เกิน 50-60 ตัวอักษร (รวมช่องว่าง) เนื่องจาก Google มักจะตัด Title Tag ที่ยาวเกินไป
    • ใส่ Keyword หลักที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไว้ โดยวางไว้ใกล้กับจุดเริ่มต้นมากที่สุด
    • Title Tag ของแต่ละหน้าเว็บควรมีความแตกต่างกัน
    • Title Tag ให้ดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้คลิก
    • Title Tag ควรบอกให้ผู้ใช้งานทราบว่าหน้าเว็บเกี่ยวกับอะไร

2.2 Meta Description

Meta Description คือข้อความที่สรุปเนื้อหาของหน้าเว็บที่แสดงใต้ Title Tag ในผลการค้นหา Meta Description ไม่ได้มีผลโดยตรงต่ออันดับในผลการค้นหา แต่มีผลต่อ CTR (Click-Through Rate) ซึ่งเป็นจำนวนครั้งที่ผู้ใช้งานคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ

  • หลักการเขียน Meta Description
    • ควรมีความยาวไม่เกิน 150-160 ตัวอักษร (รวมช่องว่าง)
    • ใส่ Keyword หลักที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไว้ใน Meta Description
    • เขียน Meta Description ให้ดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้งานคลิก
    • Meta Description ควรบอกให้ผู้ใช้งานทราบว่าหน้าเว็บเกี่ยวกับอะไร
    • ใส่ Call to Action (CTA) เช่น “ซื้อเลย,” “ดูเพิ่มเติม,” หรือ “สมัครสมาชิก”

2.3 URL Slug

URL Slug คือส่วนหนึ่งของ URL ที่ระบุชื่อของหน้าเว็บ URL Slug ที่ดีจะช่วยให้ Search Engine เข้าใจว่าหน้าเว็บเกี่ยวกับอะไร และยังช่วยให้ผู้ใช้งานจดจำ URL ได้ง่ายขึ้น

  • หลักการสร้าง URL Slug
    • URL Slug ควรสั้นและกระชับ
    • ใส่ Keyword หลักที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไว้ใน URL Slug
    • URL Slug ควรเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านง่าย
    • ใช้เครื่องหมายขีดกลาง (-) เพื่อคั่นระหว่างคำ
    • ใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กทั้งหมด

ตัวอย่าง URL Slug example.com/womens-fashion, example.com/running-shoes-guide เป็นต้น

2.4 Header Tags (H1, H2, H3)

Header Tags (H1, H2, H3, ฯลฯ) ใช้เพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหาบนหน้าเว็บ H1 เป็น Header Tag ที่สำคัญที่สุด และควรมีเพียงที่เดียวต่อหน้า H2 ใช้สำหรับหัวข้อย่อย และ H3 ใช้สำหรับหัวข้อย่อยของ H2

  • หลักการใช้ Header Tags
    • ใช้ H1 สำหรับหัวข้อหลักของหน้าเว็บ และใส่ Keyword หลักที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บ
    • ใช้ H2 และ H3 สำหรับหัวข้อย่อย และใส่ Keyword ที่เกี่ยวข้อง
    • จัดโครงสร้างเนื้อหาให้เป็นระเบียบ โดยใช้ Header Tags อย่างเหมาะสม
    • ใช้ Header Tags ตามลำดับความสำคัญ (H1 > H2 > H3)

2.5 Alt Text

Alt Text คือคำอธิบายรูปภาพที่แสดงเมื่อรูปภาพไม่สามารถโหลดได้ Alt Text ยังช่วยให้ Search Engine เข้าใจว่ารูปภาพเกี่ยวกับอะไร

  • หลักการเขียน Alt Text
    • เขียน Alt Text ที่อธิบายรูปภาพอย่างถูกต้องและแม่นยำ
    • ใส่ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพไว้ใน Alt Text
    • Alt Text ควรสั้นและกระชับ

ตัวอย่าง Alt Text <img src=”womens-fashion.jpg” alt=”เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิงราคาถูก”> เป็นต้น

การทำ On-Page SEO ที่ดีจะช่วยให้ Search Engine เข้าใจว่าหน้าเว็บของคุณเกี่ยวกับอะไร และยังช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อย่าลืมนำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้กับร้านค้า Shopify ของคุณ เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในผลการค้นหาและดึงดูด Traffic ที่มีคุณภาพมากขึ้น

3. Technical SEO

เรามาต่อกันที่ Technical SEO ซึ่งเป็นการดูแลเบื้องหลังร้านค้า Shopify ของคุณซึ่งโดยรวมแล้ว Technical SEO คือการปรับปรุงปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของเว็บไซต์เพื่อให้ Search Engine สามารถเข้าถึง (Crawl) จัดทำดัชนี (Index) และจัดอันดับ (Rank) เว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การทำ Technical SEO ที่ดีจะช่วยให้ Search Engine เข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น และยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ ซึ่งมีปัจจัยต่างๆ ดังนี้

3.1 Mobile-Friendly

เพราะแนวโน้มของผู้ใช้ส่วนใหญ่แล้วมีการใช้งานเว็บไซต์บนมือถือเพิ่มขึ้นมากกว่าบนอุปกรณ์อื่นดังนั้นการทำให้ร้านค้า Shopify ของคุณ Mobile-Friendly จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่สามารถแสดงผลได้ดีบนมือถือ และใช้ Mobile-First Indexing ซึ่งหมายความว่า Google จะใช้เวอร์ชันมือถือของเว็บไซต์ของคุณในการจัดทำดัชนีและจัดอันดับ

  • วิธีทำให้ร้านค้ารองรับ Mobile-Friendly ได้ดีที่สุด
    • เลือก Theme ที่สามารถปรับขนาดและจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ของหน้าเว็บให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน
    • ใช้ Google’s Mobile-Friendly Test เพื่อตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณเป็น Mobile-Friendly หรือไม่
    • ปรับขนาดรูปภาพให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอของมือถือ เพื่อลดขนาดไฟล์และปรับปรุงความเร็วในการโหลด
    • เลือก Font ที่อ่านง่ายบนหน้าจอมือถือ

3.2 Page Speed

ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทั้ง SEO และ User Experience ผู้ใช้งานมักจะออกจากเว็บไซต์ที่โหลดช้า และ Google ก็ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว ทำไมความเร็วในการโหลดหน้าเว็บถึงสำคัญ? ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นเมื่อเว็บไซต์โหลดเร็ว เว็บไซต์ที่โหลดช้ามี Bounce Rate สูง ซึ่งหมายถึงผู้ใช้งานออกจากเว็บไซต์หลังจากเข้าชมเพียงหน้าเดียว

  • วิธีปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
    • ใช้เครื่องมือบีบอัดรูปภาพเพื่อลดขนาดไฟล์ โดยไม่สูญเสียคุณภาพ
    • ใช้ Content Delivery Network (CDN) เพื่อกระจายไฟล์เว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้เร็วขึ้น
    • เปิดใช้งาน Browser Caching เพื่อให้ Browser สามารถจัดเก็บไฟล์เว็บไซต์ของคุณไว้ในเครื่องของผู้ใช้งาน ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นในการเข้าชมครั้งต่อไป
    • เลือก Hosting ที่มีประสิทธิภาพและความเร็ว

3.2 Site Structure

Site Structure คือโครงสร้างและการจัดระเบียบหน้าเว็บในเว็บไซต์ของคุณ Site Structure ที่ดีจะช่วยให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำทางไปยังส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย

  • หลักการจัด Site Structure
    • พยายามทำให้ทุกหน้าเว็บสามารถเข้าถึงได้ภายใน 3-4 คลิกจากหน้าแรก
    • จัดหมวดหมู่สินค้าและบริการของคุณอย่างเป็นระเบียบ
    • สร้างลิงก์ภายในระหว่างหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้ Search Engine และผู้ใช้งานสามารถนำทางไปยังส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
    • สร้าง Sitemap และส่งไปยัง Google Search Console เพื่อให้ Google ทราบโครงสร้างของเว็บไซต์ของคุณ
    • สร้าง Navigation Menu ที่ชัดเจนและใช้งานง่าย

3.4 ติดตั้ง Google Analytics และ Search Console

Google Analytics และ Google Search Console เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์และตรวจสอบประสิทธิภาพของ SEO

  • Google Analytics ช่วยให้คุณติดตาม Traffic, พฤติกรรมผู้ใช้งาน, Conversion Rate, และข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญ
  • Google Search Console ช่วยให้คุณตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์ใน Google Search, ตรวจสอบ Crawl Errors, ส่ง Sitemap, และดูข้อมูล Keyword ที่ผู้ใช้งานใช้ในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ

การติดตั้ง Google Analytics และ Search Console จะช่วยให้คุณเข้าใจประสิทธิภาพของ SEO และสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณได้อย่างต่อเนื่อง และก็มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือเคล็ดลับ Shopify SEO ฉบับลงมือทำ! ส่วนนี้จะเน้นกลยุทธ์ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับร้านค้า Shopify ของคุณได้จริง เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขายมีอะไรบ้างไปดูข้อถัดไปกันเลย

เคล็ดลับ Shopify SEO ฉบับลงมือทำ

หากคุณต้องการให้ร้านค้า Shopify ของคุณติดอันดับบนการค้นหา และเพิ่มยอดขายแบบยั่งยืน SEO คือกลยุทธ์สำคัญที่ต้องลงมือทำ ลองมาดูเคล็ดลับ Shopify SEO ฉบับลงมือทำที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที

Content Marketing

Content Marketing คือการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่า เกี่ยวข้อง และสม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดและรักษาผู้ใช้งาน การทำ Content Marketing ที่ดีจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ และดึงดูด Traffic ที่มีคุณภาพมายังร้านค้า Shopify ของคุณ ตัวอย่างเช่น

  • เขียน Blog Post ที่ตอบคำถามลูกค้า 

ค้นหาคำถามที่ลูกค้าของคุณมักจะถามเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ เขียน Blog Post ที่ตอบคำถามเหล่านั้นอย่างละเอียดและครบถ้วนรวมถึงใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องใน Blog Post ของคุณ และอย่าลืมปรับแต่ง Blog Post ให้เป็นมิตรกับ SEO (Title Tag, Meta Description, URL Slug, Header Tags, Alt Text) ด้วย

  • สร้าง Topic Cluster เพื่อเพิ่ม Authority 

โดยเลือก Topic หลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ จากนั้นสร้าง Pillar Page ที่ครอบคลุม Topic หลักนั้นๆ Cluster Content ที่เจาะลึกในหัวข้อย่อยของ Topic หลัก และลิงก์กลับไปยัง Pillar Page และ สร้างลิงก์ภายในระหว่าง Pillar Page และ Cluster Content

  • ใช้รูปภาพและวิดีโอให้น่าสนใจ

ใช้รูปภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพสูงโดยรูปภาพและวิดีโอควรเกี่ยวข้องกับเนื้อหา ไม่ลืมที่จะใส่ Alt Text ที่อธิบายรูปภาพรวมทั้งบีบอัดไฟล์รูปภาพและวิดีโอเพื่อลดขนาดไฟล์

Link Building

Link Building คือกระบวนการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ มายังเว็บไซต์ของคุณ Backlink เป็นเหมือน “คะแนนโหวต” ที่บอกให้ Search Engine รู้ว่าเว็บไซต์ของคุณน่าเชื่อถือและมีคุณภาพ ตัวอย่างเช่น

  • Backlink ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของคุณ

Backlink เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการจัดอันดับ Backlink จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณรวมทั้ง Backlink สามารถนำ Traffic จากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของคุณได้

  • วิธีการสร้าง Backlink แบบ White Hat

สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้เว็บไซต์อื่นๆ ต้องการลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ หรือเขียนบทความให้เว็บไซต์อื่นๆ และใส่ลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ เป็นต้น

Guest Posting

ค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และมีผู้ชมกลุ่มเป้าหมายเดียวกันโดยเสนอหัวข้อบทความที่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อผู้ชมของเว็บไซต์นั้นๆ ทำการเขียนบทความที่มีคุณภาพสูงและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จากนั้นใส่ลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์ของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ

Shopify App

Shopify App Store มี App SEO มากมายที่ช่วยให้คุณปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO ของร้านค้าของคุณได้ง่ายขึ้นเราลองมาดูในส่วนของ App SEO ที่น่าสนใจกันว่ามีอะไรบ้าง

  • SEO Manager ช่วยในการจัดการ Title Tag, Meta Description, Alt Text, และ Sitemap
  • Plug in SEO ช่วยในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหา SEO
  • Crush.pics ช่วยในการบีบอัดรูปภาพเพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
  • Alt Text Optimizer ช่วยในการสร้าง Alt Text สำหรับรูปภาพ

Local SEO ดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ของคุณ (ถ้ามีหน้าร้าน)

Local SEO คือการปรับแต่งร้านค้า Shopify ของคุณให้ปรากฏในผลการค้นหาเมื่อผู้ใช้งานค้นหาสินค้าหรือบริการในพื้นที่ของคุณ เหมาะสำหรับร้านค้าที่มีหน้าร้านจริง โดยอาศัยการทำ

  • Google My Business ในการลงทะเบียนร้านค้าของคุณ

สร้าง Profile บน Google My Business และกรอกข้อมูลร้านค้าของคุณให้ครบถ้วน อัปเดตข้อมูลร้านค้าของคุณอย่างสม่ำเสมอเช่นข้อมูลการติดต่อ รูปภาพสินค้า หรือร้านค้า รวมถึงกระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิวเกี่ยวกับร้านค้าของคุณ

  • ใช้ Keyword ที่เกี่ยวกับ Location

ใส่ Keyword ที่เกี่ยวกับ Location ใน Title Tag ของหน้าเว็บ หรือ ใส่ Keyword ที่เกี่ยวกับ Location ใน Meta Description ของหน้าเว็บ รวมทั้งการ Mention Location ของคุณในเนื้อหาของหน้าเว็บด้วย เป็นต้น

การนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้กับร้านค้า Shopify ของคุณ จะช่วยให้คุณดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น และเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืนเพื่อเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าของคุณปรากฏบนหน้าแรกของ Google และดึงดูดลูกค้าใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

Shopify SEO ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการเติบโตและประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล การปรับแต่งร้านค้าของคุณให้เป็นมิตรกับ Search Engine และผู้ใช้งาน จะช่วยเพิ่มการมองเห็น ดึงดูด Traffic ที่มีคุณภาพ และสร้างยอดขายที่ยั่งยืน

หลังจากคุณได้เรียนรู้เคล็ดลับ Shopify SEO ที่สำคัญแล้วไม่ว่าจะเป็นการทำ Keyword Research อย่างละเอียด การปรับแต่ง On-Page และ Technical SEO การสร้าง Content ที่มีคุณค่า การทำ Link Building เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การใช้ Shopify App เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการทำ Local SEO เพื่อดึงดูดลูกค้าในพื้นที่

ถึงเวลาแล้วที่คุณจะนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้กับร้านค้า Shopify ของคุณ! เริ่มต้นวันนี้ และคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง

หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการทำ Shopify SEO อย่างมืออาชีพ หรือต้องการที่ปรึกษาธุรกิจผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ Rise Group Asia (RGA) พร้อมให้บริการ! ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเรามีประสบการณ์ในการช่วยให้ร้านค้าออนไลน์มากมายประสบความสำเร็จในการทำ SEO ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรี

ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี! Rise Group Asia (RGA)

Facebook www.facebook.com/risegroupasia