ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างต่างใช้ช่องทางออนไลน์ ฉะนั้นการมีเว็บไซต์ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจทุกประเภท แล้วเว็บไซต์มีกี่รูปแบบ? และธุรกิจของคุณควรเลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์มากที่สุด? มาหาคำตอบกันในบทความนี้
Table of content
- เว็บไซต์คืออะไร?
- ประเภทของเว็บไซต์มีกี่รูปแบบ?
- ทำไมธุรกิจยุคใหม่ถึงต้องมี เว็บไซต์?
- ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์หรือไม่?
- วิธีเลือกออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ
เว็บไซต์คืออะไร?
เว็บไซต์ (Website) คือสื่อที่รวบรวมข้อมูล นำเสนอเนื้อหาต่างๆ บนแพลตฟอร์มและอุปกรณ์แบบออนไลน์เช่นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เว็บไซต์ ประกอบไปด้วยหน้าเว็บเพจ (Web Pages) หลายหน้าเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) เช่น Google Chrome, Safari หรือ Firefox โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ (www.) เว็บไซต์สามารถเป็นแหล่งข้อมูล ข่าวสาร หรือแพลตฟอร์มสำหรับการทำธุรกิจและการซื้อขายสินค้าได้ หรือใช้ตามแต่วัตถุประสงค์อื่นๆ ของผู้ออกแบบเว็บไซต์
เว็บไซต์เป็นเครื่องมือสำคัญและเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก อ้างอิงจากสถิติของเว็บไซต์ Statista มีสถิติที่น่าสนใจคือ “ปัจจุบันมีเว็บไซต์ทั้งหมด 1.88 พันล้านเว็บไซต์ และ 200 ล้านเว็บไซต์เป็นเว็บไซต์ที่เปิดใช้งานอยู่” หรือ “เมื่อจนถึงเดือนเมษายน 2024 มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกจำนวน 5.44 พันล้านคน” แบ่งตามสัดส่วนการใช้งาน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเว็บไซต์ถูกจัดทำขึ้นหลายรูปแบบตามจุดประสงค์การใช้งานดังนี้

ประเภทของเว็บไซต์มีกี่รูปแบบ?
ประเภทของเว็บไซต์มีกี่รูปแบบ การสร้างและออกแบบเว็บไซต์กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งบุคคลและธุรกิจ เพื่อใช้เชื่อมต่อกับผู้คนและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจทางออนไลน์ แต่ละประเภทของเว็บไซต์มีลักษณะและฟังก์ชันที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น
1. เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-commerce)

เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Website) คือเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นช่องทางให้ธุรกิจสามารถขายสินค้าและบริการออนไลน์ได้ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกสินค้าที่ต้องการซื้อ จ่ายเงิน และทำการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ได้ทันที โดยไม่ต้องไปที่ร้านค้าจริงๆ และยังรวมบริการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าเข้าไปในเว็บไซต์ด้วยอย่างเช่น การแสดงสินค้า ตะกร้าสินค้า (Shopping Cart) ระบบชำระเงิน (Payment Gateway) การจัดส่ง การสนับสนุนลูกค้า รวมไปถึงการให้โปรโมชั่นต่างๆ
ตัวอย่างเว็บไซต์ E-commerce
- Amazon – ขายสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายประเภท
- Shopee – ร้านค้าออนไลน์ที่มีสินค้าและบริการมากมายในประเทศไทย
- Central.co.th – เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของห้างสรรพสินค้ามีบริการเช่น เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ของใช้ในบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ข้อดีของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-commerce)
ข้อดีของเว็บไซต์ E-commerce คือ ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้จากทุกที่ทุกเวลา ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าจากทั่วโลกไม่จำกัดแค่ในพื้นที่เดียว และไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านหรือพนักงานขายจำนวนมาก และยังเหมือนมีหน้าร้านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงโดยรวมแล้วเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางการขยายธุรกิจออนไลน์ และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าของลูกค้าอย่างมาก
2. เว็บไซต์ธุรกิจ (Business website)
เว็บไซต์ธุรกิจ (Business website) คือเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบเป็นตัวแทนธุรกิจออนไลน์ มักจะใช้แสดงข้อมูล สำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น บริการหรือสินค้า (Products/Services), ข้อมูลการติดต่อ (Contact Us) เป็นต้นและโปรโมทธุรกิจหรือองค์กรให้กับลูกค้าและผู้ที่สนใจ ซึ่งเว็บไซต์ประเภทนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการสร้างความน่าเชื่อถือ, ดึงดูดลูกค้าใหม่, และพันธมิตรนักลงทุน เป็นช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการของธุรกิจ ทุกแบบ B2C/B2B และช่วยในการสร้างแบรนด์โดยการสื่อสารค่านิยมหลักของธุรกิจ
ตัวอย่างเว็บไซต์ Business website
- Apple – เว็บไซต์ของ Apple เน้นการโปรโมทสินค้าประเภทเทคโนโลยีและบริการต่างๆ ที่มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย
- Nike – เว็บไซต์ของ Nike เน้นการแสดงสินค้ากีฬา, การตลาดและการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้
- JPMorgan Chase’s – เว็บไซต์ธนาคารระหว่างประเทศ สำหรับการทำธุรกรรมและการลงทุน
ข้อดีของเว็บไซต์ Business website
ข้อดีของเว็บไซต์ Business website คือ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถโปรโมทแบรนด์, สินค้า, และบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์
3. เว็บไซต์ส่วนตัว (Portfolio website)
เว็บไซต์ส่วนตัว (Portfolio website) เป็นเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาโดนมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลงานของบุคคลหรือกลุ่มคนในสาขาต่าง ๆ เช่น นักออกแบบกราฟิก, นักพัฒนาเว็บ, ช่างภาพ, นักเขียน หรือศิลปิน โดยการใช้เว็บไซต์ประเภทนี้เพื่อแสดงทักษะ, ประสบการณ์, และผลงานที่ผ่านมาให้ผู้ที่สนใจเห็นแล้วอยากจ้างงานหรือร่วมงาน เว็บไซต์ส่วนตัวบางแห่งจึงมีการรวมทั้งเว็บไซต์ธุรกิจและเว็บไซต์ส่วนตัวเข้าด้วยกัน เพราะอยากมุ่งเน้นการโปรโมทความสำเร็จทั้งในด้านส่วนตัวและด้านอาชีพ
ตัวอย่างเว็บไซต์ Portfolio website
- Yusaku Kamekura – นักออกแบบกราฟิกชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่แสดงผลงานการออกแบบโลโก้, การออกแบบเว็บไซต์, หรือการออกแบบสิ่งพิมพ์
- ช่างภาพ – เว็บไซต์ที่แสดงภาพถ่ายที่ดีที่สุดในแต่ละประเภท เช่น การถ่ายภาพงานแต่งงาน, ภาพทิวทัศน์, หรือภาพบุคคล
- นักพัฒนาเว็บไซต์ – เว็บไซต์ที่แสดงโค้ดหรือโครงการที่เคยทำ เช่น เว็บไซต์ที่สร้างขึ้น, แอปพลิเคชัน, หรือการพัฒนาเว็บไซต์
ข้อดีของเว็บไซต์ Portfolio
ข้อดีของเว็บไซต์ Portfolio คือเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับบุคคลในสายอาชีพที่ต้องการแสดงผลงานของตนเองเพื่อสร้างโอกาสในการหางานหรือขยายฐานลูกค้า และเป็นวิธีที่ดีในการแสดงถึงความสามารถและประสบการณ์ในสาขาที่ตนเชี่ยวชาญนั่นเอง
4. เว็บไซต์บล็อก (Blogs)
เว็บไซต์บล็อก (Blogs) เป็นเว็บไซต์ที่นิยมใช้สำหรับเผยแพร่เนื้อหาหรือบทความที่เขียนขึ้นโดยบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องต่างๆ และมักจะมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปแล้วเนื้อหาจะเน้นการแสดงความคิดเห็น, ประสบการณ์, หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเรื่องต่างๆ หลายหมวดหมู่เช่น เทคโนโลยี, การท่องเที่ยว, ไลฟ์สไตล์, การเงิน, การทำอาหาร, หรือแม้กระทั่งการรีวิวสินค้าและบริการ
ตัวอย่างเว็บไซต์ Blogs
- Medium – แพลตฟอร์มบล็อกที่ผู้คนสามารถเขียนบทความและแบ่งปันความคิดหรือประสบการณ์ในหลากหลายหัวข้อ
- The Huffington Post – เว็บไซต์ข่าวและบล็อกที่มีบทความหลากหลายหัวข้อ ตั้งแต่การเมืองจนถึงไลฟ์สไตล์
- Blockdit – บล็อกที่ได้รับความนิยมสูงในการสร้างรายได้จากการเขียน
ข้อดีของเว็บไซต์ Blogs
ข้อดีของเว็บไซต์ Blogs คือ เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการแชร์ความรู้, แสดงความคิดเห็น, หรือโปรโมทตัวตนและธุรกิจ และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์และสร้างการเชื่อมต่อกับผู้ชม หรือสร้างแหล่งความรู้เพื่อสร้างประโยชน์อื่นๆ
5. เว็บไซต์องค์กรไม่แสวงผลกำไร (Nonprofit website)
เว็บไซต์องค์กรไม่แสวงผลกำไร (Nonprofit website) คือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมพันธกิจและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ มีเป้าหมายเพื่อสังคม เช่น การกุศล การศึกษา สิ่งแวดล้อม ศาสนา หรือกิจกรรมเพื่อชุมชน เป็นต้น
ตัวอย่างเว็บไซต์ Nonprofit website
- UNICEF – เว็บไซต์ช่วยเหลือเด็กระดับโลก
- WWF – องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- UNHCR – สมัชชาแห่งสหประชาชาติ เพื่อช่วยเหลือชาวยุโรปพลัดถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม เป็นต้น
ข้อดีของเว็บไซต์ Nonprofit website
ข้อดีของเว็บไซต์ Nonprofit website คือ เพิ่มการรับรู้และการสนับสนุน เว็บไซต์ที่ออกแบบอย่างมืออาชีพ พร้อมข้อมูลที่โปร่งใส ทำให้ผู้สนับสนุนมั่นใจในองค์กรมากขึ้น และผู้สนับสนุนจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลและร่วมบริจาคได้ง่าย
6. เว็บไซต์ฟอรัม (Forum)
เว็บไซต์ฟอรัม (Forum) เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งกระทู้ แสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้แบบสาธารณะ โดยมีโครงสร้างเป็นหมวดหมู่และหัวข้อที่เกี่ยวข้องต่างจากเว็บ blog ที่ใช้เพื่อเขียนเนื้อหาเป็นหลัก โดยอาจต้องสมัครเป็นสมาชิกเพื่อให้สามารถแสดงความคิดเห็นหรือช่วยตอบคำถามในกระทู้นั่นเอง
ตัวอย่างเว็บไซต์ Forum
- Pantip – ฟอรั่มไทยที่ใหญ่ที่สุด ครอบคลุมทุกหัวข้อ
- Reddit – ฟอรั่มระดับโลก มีคอมมูนิตี้เฉพาะทาง
- Stack Overflow – ฟอรั่มสำหรับนักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์
- Quora – ฟอรั่มถาม-ตอบระดับสากล
จุดประสงค์ของเว็บไซต์ Forum
จุดประสงค์ของเว็บไซต์ Forum เพื่อสร้างคอมมูนิตี้และการมีส่วนร่วม (Community Building) เป็นแหล่งข้อมูลและคำแนะนำที่ดี (Knowledge Sharing)หรือบางกระทู้สามารถสร้างรายได้จากโฆษณาและสปอนเซอร์ (Monetization Opportunities) ได้อีกด้วย
7. เว็บไซต์การศึกษา (Educational websites)
เว็บไซต์การศึกษา (Educational Websites) เป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเชิงการให้ความรู้ เนื้อหาทางการศึกษา หรือเครื่องมือช่วยเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ โดยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ทั้งแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นบทความ วิดีโอ แบบฝึกหัด หรือคอร์สเรียนออนไลน์ เว็บไซต์การศึกษาสามารถใช้ได้ทั้งสำหรับนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาความรู้และทักษะใหม่ ๆ
ตัวอย่างเว็บไซต์ Educational
- Khan Academy – เว็บไซต์เรียนฟรีที่ครอบคลุมหลายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์
- Coursera – แพลตฟอร์มที่รวมคอร์สเรียนออนไลน์จากมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำทั่วโลก
- Udemy – เว็บไซต์ที่มีคอร์สเรียนทั้งแบบฟรีและเสียเงินในหลายหมวดหมู่ เช่น ธุรกิจ การเขียนโปรแกรม และพัฒนาตนเอง
- Duolingo – แอปพลิเคชันและเว็บไซต์สำหรับเรียนภาษาต่าง ๆ ผ่านเกมและแบบฝึกหัด
หลักการทำเว็บไซต์การศึกษา
ทำให้ผู้สร้างสามารถแบ่งปันความรู้กับคนจำนวนมากโดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ ผู้เรียนสามารถเลือกเนื้อหาและเรียนตามความสนใจของตนเอง ทั้งยังเข้าถึงได้ง่าย ผู้เรียนสามารถเรียนรู้จากที่ไหนก็ได้ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต และยังช่วยให้สามารถปรับปรุงหลักสูตรและเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว
8. เว็บไซต์ข่าว และ วงการบันเทิง (News & Entertainment)
เว็บไซต์ข่าวและวงการบันเทิง (News & Entertainment) เป็นแพลตฟอร์มเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสาร สาระ ความบันเทิง และเหตุการณ์สำคัญในรูปแบบออนไลน์ พูดง่ายๆ คือหนังสือพิมพ์นี่เอง ซึ่งเนื้อหาภายในเว็บซต์นั้นครอบคลุมทั้งข่าวสารทั่วไป ข่าวธุรกิจ ข่าวกีฬา ข่าวบันเทิง ดนตรี ภาพยนตร์ ซีรีส์ และไลฟ์สไตล์
ตัวอย่างเว็บไซต์ News & Entertainment
- เว็บไซต์ข่าวทั่วไป – รายงานข่าวสารเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และต่างประเทศ เช่น BBC News (ข่าวระดับโลก),CNN (ข่าวสากล),ไทยรัฐ / เดลินิวส์ (ข่าวในประเทศไทย)
- เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี – รายงานข่าวสารเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และไอที เช่น TechCrunch (ข่าวสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี), The Verge (เทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์)
- เว็บไซต์ข่าวบันเทิง – อัปเดตข่าวดารา หนัง ซีรีส์ และดนตรี เช่น TMZ (ข่าวดาราฮอลลีวูด), Kapook / Sanook (ข่าวบันเทิงไทย)
จุดประสงค์ของการทำเว็บไซต์ News & Entertainment
สร้างรายได้จากโฆษณาออนไลน์ เช่น Google AdSense หรือการเป็นสปอนเซอร์ สามารถดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมากเพราะเนื้อหาข่าวและบันเทิงเป็นที่สนใจของผู้ชมหลากหลายกลุ่ม ทั้งยังสามารถนำเสนอข่าวสารแบบเรียลไทม์
9. เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย (Social media)
เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย (Social media) เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยมที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ สื่อสาร และเข้ามาแบ่งปันข้อมูลกันในรูปแบบต่างๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือสตรีมมิงสด โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างคอมมูนิตี้ สร้างเครือข่าย และเผยแพร่เนื้อหาสู่กลุ่มเป้าหมาย
ตัวอย่างเว็บไซต์ Social media
- Facebook – แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้สำหรับแชร์โพสต์ รูปภาพ วิดีโอ และไลฟ์สตรีม
- Instagram – เน้นการแชร์รูปภาพและวิดีโอสั้น พร้อมฟีเจอร์ Stories และ Reels
- Twitter (X) – แพลตฟอร์มที่เน้นการโพสต์ข้อความสั้น ๆ และข่าวสารแบบเรียลไทม์
- TikTok – แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมที่เน้นความบันเทิงและไวรัลคอนเทนต์
ข้อดีของการทำเว็บไซต์ Social media
ข้อดีของการทำเว็บไซต์ Social media หลักๆ คือสามารถสร้างรายได้จากโฆษณา สปอนเซอร์ หรือฟีเจอร์พิเศษ เช่น Subscription มีโอกาสทำให้เนื้อหากลายเป็นไวรัล (Viral) ได้ง่ายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับ Influencer Marketing และโฆษณาออนไลน์และยังเหมาะแก่การใช้ AI และอัลกอริธึมเพื่อแนะนำเนื้อหาตามความสนใจของผู้ใช้
10. เว็บไซต์สารบบ (Directory website)
เว็บไซต์สารบบ (Directory Website) คือเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งรวบรวมและแสดงรายการข้อมูลของธุรกิจ บริการ บุคคล หรือสถานที่ในหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหา เปรียบเทียบ และเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ประเภทของเว็บไซต์ Directory
- Business Directory – เว็บที่รวมข้อมูลบริษัท ร้านค้า และบริการ เช่น Google My Business (แสดงข้อมูลธุรกิจใน Google Search & Maps), Yellow Pages (ไดเร็กทอรีธุรกิจระดับโลก)
- Job Directory – เว็บรวมข้อมูลตำแหน่งงานและบริษัทที่เปิดรับสมัคร เช่น LinkedIn Jobs (หางานสำหรับมืออาชีพ), JobThai / JobsDB (เว็บไซต์หางานในไทย)
- Food & Travel Directory – เว็บที่แสดงรายการร้านอาหาร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยว เช่น TripAdvisor (รีวิวโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว), Wongnai (รีวิวร้านอาหารในไทย)
ข้อดีของการทำเว็บไซต์ Directory
เพิ่มการเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวกท้ังยัง สร้างรายได้จากการสมัครสมาชิกหรือโฆษณา ธุรกิจสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อให้ข้อมูลของตนแสดงโดดเด่นขึ้น ช่วยธุรกิจขนาดเล็กเติบโตเป็นช่องทางให้ธุรกิจขนาดเล็กได้รับการมองเห็น เว็บไซต์ Directory รองรับการทำ SEO ได้ดีเพราะมีโครงสร้างที่เหมาะกับการช่วยให้ติดอันดับในเครื่องมือค้นหา
11. เว็บไซต์จองบริการ (Booking)
เว็บไซต์จองบริการ (Booking Website) คือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ จองบริการต่าง ๆ ได้ล่วงหน้า เช่น โรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพ หรือกิจกรรมต่าง ๆ โดยอาจมีระบบชำระเงินออนไลน์ หรือระบบยืนยันการจองแบบเรียลไทม์
ตัวอย่างเว็บไซต์ Booking
- Agoda / Booking.com / Expedia – สำหรับจองโรงแรม รีสอร์ท โฮสเทล หรือที่พักแบบ Airbnb
- Skyscanner / Expedia / Kayak – ให้บริการค้นหาและจองตั๋วเครื่องบินจากหลายสายการบิน
- Klook / KKday – ใช้สำหรับจองกิจกรรมท่องเที่ยว ทัวร์ หรือแพ็กเกจท่องเที่ยว
จุดประสงค์ของการทำเว็บไซต์ Booking
สามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมเพราะเว็บจองหลายแห่งหักค่าธรรมเนียมจากการจอง รองรับการชำระเงินออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดความเสี่ยงของการยกเลิกกะทันหัน ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าโดยสามารถจองบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
12. เว็บไซต์รัฐบาล (Government)
เว็บไซต์รัฐบาล (Government Website) เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จัดทำโดยหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้ข้อมูล บริการ และการสื่อสารแก่ประชาชน โดยสามารถเป็นเว็บไซต์ของรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น หรือหน่วยงานเฉพาะด้าน
ตัวอย่างเว็บไซต์ Government
- thaigov.go.th – เป็นเว็บหลักของรัฐบาลประเทศไทยที่รวมข้อมูลและบริการภาครัฐทั้งหมด
- rd.go.th – เป็นเว็บไซต์ของกรมสรรพากรสำหรับการยื่นภาษีออนไลน์
- data.go.th / USA.gov/open – เว็บศูนย์กลางข้อมูลที่ให้ประชาชนเข้าถึง เช่น งบประมาณ โครงการภาครัฐเป็นต้น
จุดประสงค์ของเว็บไซต์ Government
เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง โปร่งใส และเข้าถึงได้ง่ายแก่ประชาชน รวมถึงให้บริการภาครัฐแบบออนไลน์เพื่อลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการยื่นภาษี จองคิวทำเอกสาร ติดต่อหน่วยงานราชการ หรือเข้าถึงข้อมูลด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย นอกจากนี้ เว็บไซต์รัฐบาลยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ส่งเสริมความโปร่งใส และเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างรัฐกับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง
ทำไมธุรกิจยุคใหม่ถึงต้องมี เว็บไซต์?
เพราะแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การมีเว็บไซต์จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจในทุกระดับ ตามผลสำรวจของ Statista พบว่า กว่า 64% ของผู้บริโภคค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการออนไลน์ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการ (Statista: 2023) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีช่องทางบนโลกออนไลน์ ธุรกิจที่ไม่มีเว็บไซต์อาจพลาดโอกาสสำคัญในการเข้าถึงลูกค้าและการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์

นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ เช่น การทำ SEO เพื่อให้ธุรกิจติดอันดับในการค้นหาบน Google และการทำโฆษณาออนไลน์ที่สามารถเพิ่มโอกาสในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Google, 2023) ดังนั้นธุรกิจที่มีเว็บไซต์จะสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้นและในด้านอื่นๆ ดังนี้
1. Boost credibility and trust
เว็บไซต์ช่วยให้ธุรกิจสร้างความน่าเชื่อถือโดยการแสดงข้อมูลที่ชัดเจนและโปร่งใส เช่น รายละเอียดสินค้า, วิธีการติดต่อ, และข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ การมีเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการทำธุรกิจกับคุณมากขึ้น
2. Enhanced customer engagement
เว็บไซต์ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามหรือให้ความคิดเห็นได้ตลอดเวลา ผ่านฟอร์มติดต่อหรือแชทออนไลน์ และยังสามารถอัปเดตข้อมูล เช่น โปรโมชั่นใหม่ หรือเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจมากขึ้น
3. Highly cost effective
การสร้างเว็บไซต์สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแบบดั้งเดิม เช่น การทำโฆษณาทางทีวีหรือการพิมพ์โบรชัวร์ เว็บไซต์ช่วยให้ธุรกิจสามารถโปรโมตสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยงบประมาณที่คุ้มค่า
4. Increased visibility
เว็บไซต์ช่วยให้ธุรกิจมีการมองเห็นที่มากขึ้นในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะกับผู้ที่ค้นหาสินค้าหรือบริการผ่านเครื่องมือค้นหา เช่น Google การมีเว็บไซต์ช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ
5. Social proof
การมีรีวิวจากลูกค้าหรือการแสดงผลของความพึงพอใจบนเว็บไซต์ทำให้ลูกค้าใหม่รู้สึกมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากธุรกิจของคุณ เพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า
6. Competitive advantage
ธุรกิจที่มีเว็บไซต์สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ ด้วยการนำเสนอข้อมูลสินค้า บริการ หรือข้อเสนอพิเศษในรูปแบบที่สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจะช่วยให้คุณได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด
7. Better Analytics
เว็บไซต์ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้ เช่น จำนวนผู้เข้าชม เวลาในการเยี่ยมชม และสินค้าที่ได้รับความนิยม ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดและเสนอสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
8. SEO
การทำ SEO บนเว็บไซต์ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดอันดับการค้นหาของ Google และแสดงผลในตำแหน่งที่สูงขึ้น ทำให้มีโอกาสถูกค้นพบโดยลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
9. Your customers are online
ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้เวลาหาข้อมูลออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ การมีเว็บไซต์ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเวลาที่เหมาะสมและสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้ากลุ่มนี้ได้
จะเห็นได้ว่าการมีเว็บไซต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ เว็บไซต์สามารถเพิ่มการมองเห็น ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ และช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน มาถึงตรงนี้อาจมีคำถามว่าแล้วธุรกิจของคุณต้องการเว็บไซต์จริงๆหรือไม่ เราลองมาพิจารณาจากหัวข้อถัดไปกัน
ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์หรือไม่? มีข้อควรพิจรณาอะไรบ้าง
ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์หรือไม่? เป็นคำถามที่หลายคนอยยากรู้ เพราะถึงแม้ว่าการมีเว็บไซต์จะเป็นประโยชน์อย่างมากในหลายด้านอย่างที่กล่าวไปในหัวข้อที่แล้ว แต่การตัดสินใจว่าธุรกิจของคุณควรมีเว็บไซต์หรือไม่นั้น อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องนำมาพิจารณา เช่น ประเภทของธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง ในหัวข้อนี้เราจะพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่ธุรกิจต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนในการสร้างเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
- 1. ประเภทของธุรกิจ
หากธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับการขายสินค้า หรือบริการที่สามารถทำการสั่งซื้อออนไลน์ได้ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือบริการต่าง ๆ การมีเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของคุณได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นมาก แต่ในขณะเดียวกัน หากธุรกิจของคุณเป็นประเภทบริการที่ไม่ต้องการการจองหรือสั่งซื้อออนไลน์ เว็บไซต์อาจช่วยแค่ในการให้ข้อมูลหรือโปรโมตธุรกิจสร้างความน่าเชื่อถือเป็นหลักแทน - 2. กลุ่มเป้าหมาย
หาว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณเป็นแบบไหน หากกลุ่มลูกค้าของคุณส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะใช้การค้นหาข้อมูลออนไลน์ การมีเว็บไซต์จะช่วยให้ลูกค้าค้นพบและเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ง่ายขึ้น หากคุณต้องการขยายฐานลูกค้าหรือทำการตลาดออนไลน์ เว็บไซต์จะเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการเชื่อมต่อกับลูกค้าทางหนึ่งนั่นเอง - 3. งบประมาณและทรัพยากร
เนื่องจากการสร้างเว็บไซต์ต้องใช้งบประมาณและบุคคลากรในการดูแลรักษา เว็บไซต์ที่ดีต้องมีการอัปเดตเนื้อหาและการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดอันดับในการค้นหาของ Google ได้ เพราะการลงทุนในเว็บไซต์ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในระยะยาวด้วย - 4. การตอบสนองความต้องการของลูกค้า
หากธุรกิจของคุณมีกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ หรือคุณมักจะออกโปรโมชั่นใหม่ ๆ การมีเว็บไซต์สามารถช่วยให้คุณสื่อสารข้อมูลเหล่านั้นได้ทันทีและครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ - 5. คู่แข่งในตลาด
ลองวิเคราะห์คู่แข่งในตลาด หากคู่แข่งในธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์ที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นและมีการตลาดออนไลน์ที่แข็งแกร่ง การมีเว็บไซต์จะช่วยให้คุณสามารถแข่งขันในตลาดได้ ไม่ให้ธุรกิจของคุณถูกมองข้ามหรือดูไม่น่าเชื่อถือนั่นเอง
“ใช้โซเชียลมีเดียอย่างเดียวแทนเว็บไซต์ได้หรือไม่ สามารถทำได้แต่เพราะโซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามที่สามารถเปลี่ยนนโยบายได้ตลอดเวลา เว็บไซต์เป็นช่องทางของคุณเองที่ควบคุมได้ 100%”
ฉะนั้นการมีเว็บไซต์จึงเป็นการลงทุนที่สำคัญ หากธุรกิจของคุณต้องการขยายการเข้าถึงลูกค้าและสร้างความน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์ ด้วยข้อดีที่กล่าวมา ธุรกิจที่มีเว็บไซต์จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลอีกด้วย
วิธีเลือกออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกทำเว็บไซต์ให้กับธุรกิจของคุณแล้ว การออกแบบเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับธุรกิจก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น การเลือกองค์ประกอบต่าง ๆ ของเว็บไซต์จะต้องคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (UX) และวัตถุประสงค์ของธุรกิจ นี่คือแนวทางสำคัญในการออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสมโดยเราสรุปมาให้ดังนี้
- 1. กำหนดวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ ก่อนเริ่มออกแบบเว็บไซต์ คุณต้องระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนว่าเว็บไซต์ของคุณมีเป้าหมายอะไร เช่น
- อยากให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ → ควรออกแบบเว็บไซต์ให้เรียบง่าย เน้นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและบริการ เช่น เว็บไซต์องค์กรหรือเว็บพอร์ตโฟลิโอ
- ขายสินค้าออนไลน์ → ต้องมีระบบตะกร้าสินค้าและชำระเงินที่ปลอดภัย เช่น Shopify หรือ WooCommerce
- เน้นบริการจองหรือสมัครสมาชิก → ควรมีระบบ Booking ที่ใช้งานง่าย เช่น ระบบจองห้องพัก, ตารางเวลานัดหมาย
- อยากสร้างการมีส่วนร่วมจากลูกค้า → ควรมีบล็อก ฟอรั่ม หรือช่องทางแสดงความคิดเห็น เพื่อกระตุ้นการโต้ตอบ
- 2. เลือกรูปแบบดีไซน์ที่เหมาะกับแบรนด์ สี ฟอนต์ และองค์ประกอบของเว็บไซต์ต้องสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) เว็บไซต์ควรออกแบบให้สะอาดตา ใช้งานง่าย และมี Layout ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจข้อมูลได้เร็วรองรับการใช้งานบนทุกอุปกรณ์ (Responsive Design) เพื่อให้แสดงผลได้ดีบนมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ตัวอย่า
- แบรนด์หรู → ควรใช้โทนสีเรียบหรู เช่น ดำ-ทอง, ขาว-น้ำเงิน
- แบรนด์สำหรับวัยรุ่น → ควรใช้สีสดใสและดีไซน์ทันสมัย
- 3. โครงสร้างเว็บไซต์ต้องใช้งานง่าย (User-Friendly Navigation) เมนูและโครงสร้างเว็บไซต์ต้องเป็นระเบียบ เช่น หน้าแรก | บริการ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา
- มี Call-To-Action (CTA) ที่ชัดเจน เช่น “ซื้อเลย”, “ขอใบเสนอราคา”, “ติดต่อเรา”
- ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ต้องรวดเร็ว เพราะ 53% ของผู้ใช้มือถือจะออกจากเว็บไซต์หากโหลดช้าเกิน 3 วินาที
- 4. ฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ เว็บไซต์ควรมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี เช่น
- SEO-Friendly → รองรับการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับ Google ได้ง่ายขึ้น
- ระบบชำระเงิน (E-commerce) → หากเป็นเว็บไซต์ขายของ ควรมีระบบรับชำระเงินที่ปลอดภัย เช่น QR Code, Credit Card, PayPal
- ฟอร์มติดต่อ หรือ Live Chat → เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลได้ง่ายขึ้น เช่น Chatbot, Line OA, WhatsApp
- บล็อก หรือ Content Marketing → เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างคอนเทนต์เพื่อเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์
- 5. ความปลอดภัยของเว็บไซต์ ควรใช้ SSL Certificate (HTTPS) เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์โดยอัปเดตแพลตฟอร์มและปลั๊กอินสม่ำเสมอสำรองข้อมูลเว็บไซต์ (Backup) เผื่อกรณีฉุกเฉิน
- ทำไมความปลอดภัยถึงสำคัญ? เพราะ 85% ของลูกค้าจะไม่มั่นใจในการซื้อสินค้าหากเว็บไซต์ไม่มี HTTPS เพราะเสี่ยงต่อข้อมูลรั่วไหล
- 6. เลือกแพลตฟอร์มการจัดการที่เหมาะสม การเลือกแพลตฟอร์มต้องพิจารณาจากความต้องการของธุรกิจ เช่น
- WordPress + Elementor → เหมาะกับธุรกิจทั่วไปที่ต้องการเว็บไซต์แบบปรับแต่งเอง และรองรับ SEO ได้ดี
- Shopify / WooCommerce → เหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องการระบบตะกร้าสินค้าและชำระเงิน
- Wix / Squarespace → เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป
- Custom Code Development → เหมาะกับองค์กรที่ต้องการฟีเจอร์เฉพาะและการพัฒนาเว็บไซต์แบบเฉพาะทาง
จะเห็นว่าการออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับธุรกิจจะต้องพิจารณาหลายปัจจัยดังที่กล่าวมา โดยคำนึงถึงการรองรับการตลาดออนไลน์ การเลือกองค์ประกอบที่เหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจและเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าเว็บไซต์สำคัญต่อธุรกิจของคุณหรือไม่?
อย่าปล่อยให้โอกาสทางธุรกิจหลุดไป เว็บไซต์ที่ออกแบบอย่างมืออาชีพไม่เพียงช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าในยุคดิจิทัล หากคุณต้องการเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจและช่วยให้คุณก้าวนำหน้าคู่แข่ง RGA – risegroupasia.co.th เราพร้อมให้คำปรึกษาฟรี