Email Marketing ทำง่ายกว่าที่คิด! มือใหม่ก็เริ่มได้ สร้างยอดขายได้จริง

Email Marketing

เคยสงสัยไหมว่าทำไมธุรกิจใหญ่ๆ ยังใช้ Email Marketing กันอยู่? ทั้งๆ ที่มีช่องทางออนไลน์ให้เลือกมากมาย ความจริงก็คือ Email Marketing ยังคงเป็น เครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อมีสถิติบอกว่า ทุกๆ 100 บาทที่ลงทุนใน Email Marketing สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ยถึง 400 บาทเห็นแล้วอยากรู้ทำยังไงไปเริ่มกันเลย

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโลกของ Email Marketing ตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงเคล็ดลับการสร้างแคมเปญที่สร้างผลลัพธ์ได้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น หรือนักการตลาดมือใหม่ที่อยากเพิ่มทักษะ เราจะช่วยให้คุณเข้าใจว่า Email Marketing คืออะไร ทำงานอย่างไร และที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ Email Marketing ช่วยสร้างยอดขายและเติบโตทางธุรกิจของคุณได้อย่างยั่งยืน

Email Marketing คืออะไร?

ลองนึกภาพว่าคุณมีร้านค้าเล็กๆ แล้วอยากบอกข่าวสาร โปรโมชั่น หรือสินค้าใหม่ๆ ให้ลูกค้าที่เคยมาซื้อของที่ร้านได้รู้ คุณจะทำยังไง? สมัยก่อนอาจจะต้องโทรศัพท์ หรือส่งจดหมายไป แต่ยุคนี้เรามี Email Marketing

Email Marketing หรือที่เรียกว่า EDM (Electronic Direct Mail) ก็คือการใช้ “อีเมล” เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นการ บอกข่าวสาร แจ้งโปรโมชั่น สร้างความสัมพันธ์ ให้ข้อมูล หรือชวนกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการ พูดง่ายๆ ก็คือ Email Marketing เป็นเหมือน “จดหมายข่าว” ที่เราส่งให้ลูกค้าผ่านทางอีเมลนั่นเอง

ทำไม Email Marketing ถึงสำคัญ?

แล้วทำไมเราต้องทำ Email Marketing ด้วยล่ะ? ทำไมไม่ไปเน้นทำโฆษณาบน Facebook หรือ TikTok แทน? เหตุผลก็คือ Email Marketing มีข้อดีหลายอย่างที่ช่องทางอื่นๆ ให้ไม่ได้เช่น

ให้ความเป็นส่วนตัว – อีเมลเป็นช่องทางที่เราสามารถคุยกับลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 ได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราใส่ใจและให้ความสำคัญกับเขา

ประหยัดกว่า – เมื่อเทียบกับการโฆษณาอื่นๆ Email Marketing มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากเหมือนกัน

วัดผลได้ชัดเจน – เราสามารถรู้ได้ว่ามีคนเปิดอีเมลของเรากี่คน คลิกเข้าไปดูสินค้ากี่คน หรือซื้อสินค้าจริงๆ กี่คน ทำให้เราปรับปรุงแคมเปญให้ดีขึ้นได้เรื่อยๆ

เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่ม – เราสามารถเลือกส่งอีเมลให้เฉพาะลูกค้าที่เราสนใจได้ เช่น ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าประเภท A หรือลูกค้าที่อยู่ในจังหวัด B เป็นต้น

Email Marketing ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

หลายคนอาจจะคิดว่า Email Marketing เป็นเรื่องยาก ต้องมีเทคนิคเยอะแยะ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น แค่เราเข้าใจพื้นฐานบางอย่าง ก็สามารถเริ่มต้นทำ Email Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วก็คือการใช้ อีเมลเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งมีหลายรูปแบบไม่ใช่แค่การส่งอีเมลขายของอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง

  1. การส่งอีเมลเพื่อโปรโมทสินค้า/บริการ เช่น บอกว่าร้านเรามีสินค้าใหม่นะ หรือมีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ

ตัวอย่าง – ส่งอีเมลบอกว่า “เสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ ลด 20% เฉพาะลูกค้าที่สมัครสมาชิก!”

  1. การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น ส่งอีเมลอวยพรวันเกิด หรือขอบคุณที่ลูกค้าซื้อสินค้า

ตัวอย่าง – ส่งอีเมลเขียนว่า “สุขสันต์วันเกิด! เรามีส่วนลดพิเศษ 10% มอบให้เป็นของขวัญ”

  1. การแจ้งข่าวสาร/โปรโมชั่น เช่น บอกว่าร้านเรากำลังจะจัดงาน Event หรือมีสินค้าใหม่กำลังจะเปิดตัว

ตัวอย่าง – ส่งอีเมลแจ้งว่า “เตรียมพบกับงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของเรา เร็วๆ นี้!”

ทำไม Email Marketing ถึงยัง Work ในยุคนี้?

แม้ว่าจะมีช่องทางออนไลน์มากมายให้เลือกใช้ แต่ Email Marketing ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ เพราะว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง จากการที่อีเมลจะถูกส่งตรงไปยัง Inbox ของลูกค้า ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะเห็นข้อความของเรา และเราสามารถรู้ได้ว่ามีคนเปิดอีเมลของเรากี่คน คลิกเข้าไปดูสินค้ากี่คน หรือซื้อสินค้าจริงๆ กี่คนทำให้เราปรับปรุงแคมเปญให้ดีขึ้นได้

รวมทั้งเราสามารถปรับแต่งเนื้อหาอีเมลให้เข้ากับความสนใจของลูกค้าแต่ละคนได้ ทำให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ตรงใจและน่าสนใจเมื่อเทียบกับการโฆษณาอื่นๆ Email Marketing มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก แต่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ทำให้คุ้มค่ากับการลงทุน

เริ่มต้น Email Marketing ง่ายๆ สไตล์มือใหม่ (Step-by-Step)

เริ่มต้น Email Marketing ง่ายๆ สไตล์มือใหม่ (Step-by-Step)

การเริ่มต้นทำ Email Marketing ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ คุณก็พร้อมที่จะสร้างแคมเปญที่สร้างผลลัพธ์ได้จริงแล้ว ลองไปดูว่ามีอะไรบ้าง

Step 1 สร้าง Email List ที่มีคุณภาพ

ขั้นตอนสำคัญของการทำ Email Marketing ก็คือการมี Email List (รายชื่ออีเมล) ของคนที่สนใจในธุรกิจของเรา แต่สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวนก็คือคุณภาพของรายชื่อ หรือก็คือเราต้องสร้าง List แบบ Organic เท่านั้น 

  • ให้สร้าง List แบบ Organic การซื้อ List เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลย เพราะคนที่อยู่ใน List เหล่านั้นไม่ได้อนุญาตให้เราส่งอีเมลไปหาเขาได้ ทำให้เขาอาจจะรำคาญและกด Report Spam ซึ่งจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของธุรกิจเรา
  • ใช้ Lead Magnet (ของฟรีแลก Email) Lead Magnet ก็คือของฟรีที่เราเอาไว้ “ดึงดูด” ให้คนยอมให้ Email address ของเขามา เช่น E-book, Template, Checklist, คูปองส่วนลด หรืออะไรก็ได้ที่กลุ่มเป้าหมายของเราสนใจ
    • ตัวอย่าง แจก E-book “5 เคล็ดลับการดูแลผิวสำหรับมือใหม่” แลกกับ Email address
  • ใส่ Form สมัครรับข่าวสารบนเว็บไซต์/โซเชียลมีเดีย สร้าง Form ง่ายๆ บนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของเรา เพื่อให้คนที่สนใจสามารถสมัครรับข่าวสารจากเราได้
    • ตัวอย่าง ติดตั้ง Plugin บน WordPress เพื่อให้แสดง Form สมัครรับข่าวสาร เป็นต้น

Step 2 เลือกแพลตฟอร์ม Email Marketing

เมื่อมี Email List แล้ว สิ่งที่เราต้องมีต่อไปก็คือ เครื่องมือในการจัดการ Email List และส่งอีเมล ซึ่งก็คือ แพลตฟอร์ม Email Marketing นั่นเอง

  • แนะนำแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับมือใหม่ เช่น (Mailchimp, Brevo, etc.) สำหรับมือใหม่ แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและเป็นที่นิยมก็คือ Mailchimp, Brevo, และอื่นๆ อีกมากมาย ลองเข้าไปดูรายละเอียดและทดลองใช้ฟรีก่อนได้
  • เปรียบเทียบฟีเจอร์และราคา แพลตฟอร์มแต่ละเจ้าก็จะมีฟีเจอร์และราคาที่แตกต่างกันไป ลองเปรียบเทียบดูว่าเจ้าไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของเรามากที่สุด
  • คำแนะนำในการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ถ้าธุรกิจของคุณเพิ่งเริ่มต้น อาจจะเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มี Free Plan ก่อนก็ได้ แต่ถ้าธุรกิจของคุณมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจจะต้องพิจารณาเลือกแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น Automation หรือ Segmentation

Step 3 ออกแบบ Email ที่น่าสนใจ

เมื่อมีเครื่องมือแล้ว ก็ถึงเวลาออกแบบอีเมลของเราให้น่าสนใจ สำหรับผูรับกัน

  • เทคนิคการเขียน Subject Line ที่ดึงดูด Subject Line คือสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะมันคือส่วนแรกที่จะเปิดให้คนเข้ามาอ่านอีเมลของเรา เทคนิคก็คือ ต้องกระตุ้นความอยากรู้ บอกถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ หรือสร้างความรู้สึกเร่งด่วน
    • ตัวอย่างเช่น “5 เคล็ดลับ(ไม่)ลับ ที่จะช่วยให้คุณผอมลงได้ใน 7 วัน!”
  • การจัดวาง Layout ให้น่าอ่าน Layout ที่ดีจะช่วยให้คนอ่านอีเมลของเราได้ง่ายขึ้น ควรใช้ Font ที่อ่านง่าย ใช้สีที่สบายตา และเว้นวรรคให้เหมาะสม
  • การใช้รูปภาพ/วิดีโอ รูปภาพและวิดีโอจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับอีเมลของเรา แต่ก็ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เยอะจนเกินไป
  • การใส่ Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน CTA คือปุ่มหรือ Link ที่เราต้องการให้ลูกค้าคลิก เช่น “ซื้อเลย!” “สมัครเลย!” หรือ “ดูรายละเอียดเพิ่มเติม” เป็นต้น

Step 4 ส่ง Email อย่างถูกวิธี

เมื่อออกแบบอีเมลเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาส่งออกไปให้ลูกค้าเป้าหมาย

  • การตั้งเวลาส่ง Email เวลาที่เหมาะสมในการส่ง Email จะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ลองทดสอบดูว่าเวลาไหนที่ลูกค้าของเราเปิด Email มากที่สุด
  • การ Segment กลุ่มเป้าหมาย (ส่ง Email ให้ถูกคน) การ Segment ก็คือการแบ่งลูกค้าของเราออกเป็นกลุ่มๆ ตามความสนใจ พฤติกรรม หรือข้อมูลส่วนตัว เพื่อให้เราสามารถส่ง Email ที่ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่มได้
    • ตัวอย่าง แบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่ม “ลูกค้าใหม่” “ลูกค้าเก่า” “ลูกค้าที่สนใจสินค้า A” ลูกค้าที่สนใจบริการ B เป็นต้น
  • การทดสอบ Email ก่อนส่งจริง โดยก่อนที่จะส่ง Email ไปหาลูกค้าทั้งหมดควรส่ง Email ไปทดสอบดูก่อนเพื่อตรวจสอบว่า Layout ถูกต้อง Link ใช้งานได้และไม่มีข้อผิดพลาด

Step 5 วัดผลและปรับปรุง

เมื่อส่ง Email ไปแล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือการวัดผลว่าแคมเปญของเราประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

  • Metrics ที่ต้องติดตามเพื่อการปรับปรุง (Open Rate, CTR, Conversion Rate)
    • Open Rate อัตราการเปิด Email ของกลุ่มเป้าหมาย
    • CTR (Click-Through Rate) อัตราการคลิก Link ใน Email ที่แนบไป
    • Conversion Rate อัตราการที่ลูกค้าทำตามจุดประสงค์ที่เราต้องการ (เช่น ซื้อสินค้า สมัครสมาชิก)
  • การใช้ A/B Testing เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ A/B Testing ก็คือการทดสอบ Email 2 แบบ (A กับ B) โดยเปลี่ยน Subject Line, Layout, หรือ CTA เพื่อดูว่าแบบไหนที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน

เคล็ดลับทำ Email Marketing แบบมือโปร (แต่ทำตามได้ง่าย)

หลังจากที่เราได้เรียนรู้พื้นฐานและขั้นตอนการทำ Email Marketing ไปแล้วคราวนี้เราจะมาดูเคล็ดลับเพิ่มเติม ที่จะช่วยให้แคมเปญ Email Marketing ของคุณ ปังยิ่งขึ้นไปอีก! เคล็ดลับเหล่านี้อาจจะฟังดูยากแต่จริงๆ แล้วทำตามได้ง่ายมากคือ

  1. Personalization (สร้างความรู้สึกพิเศษให้ลูกค้า)

การ Personalization ก็คือการปรับแต่ง Email ให้เข้ากับความสนใจและความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เช่น การใส่ชื่อลูกค้าใน Subject Line หรือในเนื้อหาอีเมล การแนะนำสินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อ หรือการส่งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า

เพราะลูกค้าทุกคนชอบที่จะรู้สึกว่าตัวเองพิเศษการสร้าง Personalization จะช่วยสร้างความรู้สึกนั้นให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าอยากเปิดอ่านอีเมลของเรามากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากขึ้น

วิธีทำ

  • ทำการเก็บข้อมูลลูกค้าให้มากที่สุด (เช่น ชื่อ, เพศ, อายุ, ที่อยู่, ประวัติการซื้อสินค้า, ความสนใจ)
  • ใช้ข้อมูลเหล่านั้นที่เก็บมาในการปรับแต่ง Email ให้เข้ากับลูกค้าแต่ละคน
  • ใช้ Dynamic Content (สร้างเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลของลูกค้า)
  1. Automation (ตั้งค่า Email อัตโนมัติเพื่อประหยัดเวลา)

การทำ Automation ก็คือการตั้งค่า Email ให้ถูกส่งออกไปโดยอัตโนมัติเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น เช่น เมื่อลูกค้าสมัครสมาชิก เมื่อลูกค้าซื้อสินค้า หรือเมื่อลูกค้ามีสินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ได้ชำระเงินเป็นเวลาหนึ่ง เป็นต้น

การ Automation จะช่วยประหยัดเวลาและแรงงานของเราอย่างมาก แถมยังมีข้อดีคือช่วยให้เราสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างสม่ำเสมออีกด้วย

ตัวอย่าง Email Automation ที่ควรมี

  • Welcome Email (ส่งเมื่อลูกค้าสมัครสมาชิก)
  • Thank You Email (ส่งเมื่อลูกค้าซื้อสินค้า)
  • Abandoned Cart Email (ส่งเมื่อลูกค้าทิ้งสินค้าไว้ในตะกร้า)
  • Birthday Email (ส่งเมื่อถึงวันเกิดลูกค้า)
  1. Segmentation (ส่ง Email ให้ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม)

การทำ Segmentation ก็คือการแบ่งลูกค้าของเราออกเป็นกลุ่มๆ ตามความสนใจ พฤติกรรม หรือข้อมูลส่วนตัว เพื่อให้เราสามารถส่ง Email ที่ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่มได้นั่นเอง

การส่ง Email ให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่ม Open Rate CTR และ Conversion Rate แถมยังช่วยลดจำนวนคนที่ Unsubscribe (ยกเลิกการสมัครรับข้มูล)อีกด้วย

ตัวอย่างการ Segmentation

  • แบ่งตามข้อมูลประชากร (เพศ, อายุ, ที่อยู่)
  • แบ่งตามพฤติกรรมการซื้อ (ลูกค้าใหม่, ลูกค้าเก่า, ลูกค้าที่ซื้อสินค้า A)
  • แบ่งตามความสนใจ (ลูกค้าที่สนใจสินค้า B, ลูกค้าที่สนใจสินค้า C)
  1. Content Marketing (สร้าง Content ที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดลูกค้า)

การทำ Content Marketing ที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า เช่น บทความ วิดีโอ หรือ Infographic แล้วนำ Content เหล่านั้นมาใส่ใน Email ของเรา เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าอยากเปิดอ่านและติดตาม

การสร้าง Content ที่มีคุณค่า จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของเรา ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและอยากซื้อสินค้าของเรามากขึ้น

ตัวอย่าง Content ที่สามารถนำมาใส่ใน Email ได้

  • How-to (วิธีการใช้งานสินค้า)
  • Tips & Tricks (เคล็ดลับต่างๆ)
  • Review (รีวิวสินค้า)
  • Infographic (สรุปข้อมูลสำคัญ)
  1. Mobile Optimization (ทำให้ Email อ่านง่ายบนมือถือ)

ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่อ่าน Email บนมือถือ ดังนั้น Email ของเราต้องออกแบบมาให้ Responsive คือสามารถแสดงผลได้อย่างสวยงามและอ่านง่ายบนมือถือทุกรุ่นนั่นเอง

ถ้า Email ของเราแสดงผลไม่ดีบนมือถือ คนก็จะไม่อยากอ่าน และอาจจะกด Delete ทันที

วิธีทำ

  • ใช้ Template ที่ Responsive
  • ใช้ Font ที่อ่านง่ายบนมือถือ
  • ใช้รูปภาพที่มีขนาดเหมาะสม
  • ตรวจสอบ Email บนมือถือก่อนส่งจริง

เคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากที่สุดเมื่อคุณลองนำไปปรับใช้กับแคมเปญ Email Marketing ของคุณดู แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ตัวอย่าง Email Marketing (Case Study)

มาดูตัวอย่าง Case Study ของธุรกิจที่ใช้ Email Marketing ได้อย่างประสบความสำเร็จ พร้อมข้อมูลต่างๆที่เราสามารถนำไปปรับใช้ได้กัน

ธุรกิจ – Airbnb (แพลตฟอร์มจองที่พักและกิจกรรมท่องเที่ยว)

แคมเปญ – Personalized Email Recommendations

ภาพรวมแคมเปญ

Airbnb ได้ใช้ Email Marketing ในการส่งคำแนะนำที่พักและกิจกรรมท่องเที่ยวที่ปรับแต่งให้เข้ากับความสนใจและความต้องการของลูกค้าแต่ละคน โดยพิจารณาจาก

  • ประวัติการค้นหาและการจอง – ที่พักและกิจกรรมที่ลูกค้าเคยค้นหาหรือจองไว้
  • สถานที่ที่เคยเดินทางไป – เมืองหรือประเทศที่ลูกค้าเคยเดินทางไป
  • ความสนใจ –  ประเภทที่พัก (เช่น บ้านพักส่วนตัว, โรงแรมบูติก) หรือกิจกรรม (เช่น ทัวร์ชมเมือง คอร์สเรียนทำอาหาร) ที่ลูกค้าสนใจ

ตัวอย่างการเขียน Email

  • Subject Line “ค้นพบที่พักน่าพักใน [เมืองที่คุณเคยไป] และกิจกรรมใหม่ๆ ที่คุณอาจชอบ”
  • เนื้อหา
    • สวัสดี [ชื่อลูกค้า]
    • เรามีที่พักและกิจกรรมใหม่ๆ ที่เราคิดว่าคุณน่าจะชอบมาแนะนำ
      • [ที่พัก 1] [ชื่อที่พัก] – บ้านพักส่วนตัวสไตล์ [สไตล์] ใน [เมือง] (มีรูปภาพและ Link ไปยังหน้าจอง)
      • [กิจกรรม 1] [ชื่อกิจกรรม] – ทัวร์ชมเมือง [เมือง] พร้อมไกด์ท้องถิ่น (มีรูปภาพและ Link ไปยังหน้าจอง)
    • คลิกที่นี่เพื่อดูคำแนะนำเพิ่มเติม!

วิเคราะห์ว่าทำไมแคมเปญถึงประสบความสำเร็จ

  1. Personalization

Airbnb ใช้ข้อมูลลูกค้าในการปรับแต่ง Email ให้เข้ากับความสนใจและความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ทำให้ Email มีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจ

  1. Segmentation

Airbnb แบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มๆ ตามความสนใจและพฤติกรรมการเดินทาง ทำให้สามารถส่ง Email ที่ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่มได้

  1. Value Proposition

Airbnb นำเสนอที่พักและกิจกรรมที่น่าสนใจให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า Airbnb เป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการวางแผนการเดินทาง

  1. Call-to-Action

Airbnb ใส่ Call-to-Action ที่ชัดเจน (“คลิกที่นี่เพื่อดูคำแนะนำเพิ่มเติม!”) เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าคลิกเข้าไปดูรายละเอียดและทำการจอง

ผลลัพธ์แคมเปญ

  • เพิ่ม Open Rate และ Click-Through Rate อย่างมีนัยสำคัญ
  • เพิ่มยอดการจองที่พักและกิจกรรม
  • สร้างความพึงพอใจและความภักดีให้กับลูกค้า

สรุปบทเรียนที่ได้จาก Case Study

  • Personalization is Key การปรับแต่ง Email ให้เข้ากับความสนใจและความต้องการของลูกค้าแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
  • Data is Your Friend การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้ามากขึ้น และสามารถสร้างแคมเปญ Email Marketing ที่มีประสิทธิภาพ
  • Provide Value การนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการและสนใจ จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าอยากเปิดอ่าน Email ของคุณมากขึ้น
  • Make it Easy for Customers to Take Action การใส่ Call-to-Action ที่ชัดเจน จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าคลิกเข้าไปดูรายละเอียดและทำการซื้อ

การนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณ

อย่างแรกลองคิดดูว่าคุณมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับลูกค้าบ้าง? และคุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการปรับแต่ง Email ให้เข้ากับลูกค้าแต่ละคนได้อย่างไร? เพื่อนำไปสู่การสร้างคอนเท้นท์ที่สามารถนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้า และกำหนดเป้าหมายว่าคุณต้องการให้ลูกค้าทำอะไรหลังจากที่อ่าน Email ของคุณ

ทั้งหมดนี้คือพื้นฐานของการทำ Email Marketing ที่คุณควรรู้ เราได้เรียนรู้กันตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงเคล็ดลับการสร้างแคมเปญที่สร้างผลลัพธ์ได้จริง จะเห็นได้ว่า Email Marketing ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่มีความเข้าใจในหลักการ และลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ คุณก็สามารถใช้ Email Marketing เป็นเครื่องมือในการสร้างยอดขายและเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืนแล้วนั่นเอง

ลองนำความรู้และเคล็ดลับที่ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณ แล้วคุณจะพบว่า Email Marketing คือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าอย่างยิ่งต่อธุรกิจของคุณ
อยากรู้ลึก รู้จริงเรื่อง Email Marketing มากกว่านี้ สมัครรับข่าวสาร/เคล็ดลับ Email Marketing จากเว็บไซต์ Rise Group Asia ได้เลย เรามีบทความดีๆ และเทคนิคใหม่ๆ มาอัปเดตให้คุณอยู่เสมอ!